อินเดีย ... อีกแล้ว 26 มหาวิทยาลัยนาลันทา

 
kanchana.c
วันที่  15 ธ.ค. 2552
หมายเลข  14702
อ่าน  3,195

มหาวิทยาลัยนาลันทา

มหาวิทยาลัยนาลันทาอยู่ห่างจากพระเวฬุวัน ๑๖ กิโลเมตร เป็นมหาวิทยาสงฆ์ที่สร้าง ขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๓ เพื่อเป็นที่ศึกษาของพระ ภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา และสร้างเพิ่มเติมต่อมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นศูนย์กลาง ของพระพุทธศาสนานิกายมหายาน ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๓ มหาวิทยาลัย นาลันทาเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีพระภิกษุนักศึกษานับหมื่นรูป และ อาจารย์อีกนับพัน โดยมีพระเจ้าแผ่นดินเป็นองค์อุปถัมภ์ มหาวิทยาลัยแห่งนี้เจริญ รุ่งเรืองอยู่ประมาณ ๘๐๐ ปี จนถูกเผาทำลายหมดสิ้นจากผู้ไม่หวังดีและการปฏิรูป ศาสนาพราหมณ์

เมื่อได้ฟังเรื่องราวการถูกเผา และพระภิกษุถูกฆ่าจำนวนมาก รู้สึกคับแค้นใจ ขัดข้องว่า ทำไมไม่สู้เขาเพื่อรักษาสถานที่ไว้ ซึ่งการคิดอย่างนั้นเป็นอกุศล ทำให้ไม่แช่มชื่น เป็น สิ่งที่ควรละ พระผู้มีพระภาคก็ทรงแสดงไว้แล้วว่า ทุกอย่าง มี แล้วหามีไม่ ไม่มีอะไรคง ทนสักอย่างเดียว แม้แต่ขณะที่แล้วก็หมดไป จึงได้มีขณะนี้ และก็กำลังจะหมดไป ให้ ขณะต่อไปเกิดขึ้น

เมื่อไม่สบายใจจึงไม่ฟังคำบรรยายของมัคคุเทศก์ ไปเดินชมรอบๆ บริเวณที่ขุดค้นเพิ่ม มากกว่าเดิม เดินจนทั่วในสถานที่ที่ไม่เคยไป ข้างหลังมีสถูปเล็กๆ หลายองค์ ที่มีพระ พุทธรูปปางต่างๆ ประดิษฐานอยู่ทุกมุม

หยุดกราบนมัสการพระสถูปตรงสถานที่เกิดและปรินิพพานของท่านพระสารีบุตร เมื่อ ท่านทูลลาพระผู้มีพระภาคมาปรินิพพานที่บ้านนาลันทาของท่านนั้น มีแสดงไว้อย่าง ละเอียดและไพเราะมากในจุนทสูตร ท่านอาจารย์เคยนำมาบรรยายและได้เปิดฟังใน รถ ท่านต้องการจะโปรดมารดา นางสารีพราหมณี ที่มีบุตรเป็นพระอรหันต์ถึง ๗ รูป แต่ ตัวท่านเองยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ เมื่อท่านเห็นเทพ ท้าวสักกะ และ ท้าวมหาพรหมมาเยี่ยม อาการป่วยของท่านพระสารีบุตรนั้น ท่านถามว่า ยังมีใครใหญ่กว่าท้าวมหาพรหมของ แม่หรือ เมื่อท่านพระสารีบุตรกล่าวพุทธคุณจบ นางสารีพราหมณีบรรลุเป็นพระ โสดาบัน และ ท่านพระสารีบุตรพูดว่า “เท่านี้คงพอแก่ค่าน้ำนมของมารดาที่เลี้ยงดูมา” แล้วท่านก็ปรินิพพาน

รู้สึกซาบซึ้งประทับใจมากกับความกตัญญูของท่านผู้เลิศกว่าผู้อื่นด้านปัญญา คิดเอา เองว่า เวลาที่มีการทำขวัญนาคนั้น จะมีการพูดถึงเรื่องค่าน้ำนม อาจจะมีที่มาจากเรื่อง นี้ก็ได้

และเรื่องที่เตือนใจได้มากอีกเรื่อง คือ เมื่อท่านพระสารีบุตรปรินิพพานแล้ว สามเณร จุนทะที่อุปัฏฐากท่าน ได้นำบาตรและจีวรของท่านไปให้ท่านพระอานนท์ที่พระวิหาร เชตวัน เมื่อท่านพระอานนท์เห็นก็เกิดความเสียใจอย่างยิ่ง เพราะท่านรักใคร่กับ ท่านพระสารีบุตรมาก พระผู้มีพระภาคตรัสถามท่านว่า “ดูกรอานนท์ สารีบุตรพาเอาศีล ขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ วิมุตติขันธ์ หรือ วิมุตติญาณทัสสนขันธ์ ปรินิพพานไปด้วย หรือ?”

ทำให้นึกขึ้นได้ว่า สิ่งที่เป็นสาระที่สุดในโลกก็คือปัญญา ซึ่งไม่มีใครพาหนีหายไปด้วย เลย ดังนั้นถ้าจะต้องสูญเสียบุคคลที่รักใคร่สักแค่ไหน เมื่อนึกถึงคำตรัสนี้ของพระผู้มี พระภาค ก็คงจะทำให้เบาใจขึ้นได้บ้าง (พูดได้ตอนนี้ เพราะยังไม่มีเหตุการณ์ที่ต้องสูญ เสียเกิดขึ้นจริงๆ )


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วิริยะ
วันที่ 17 ธ.ค. 2552

อ่านถึงตอนที่ท่านพระสารีบุตรท่านเอ่ยถึง การตอบแทนพระคุณน้ำนมมารดา แล้ว น้ำตารื้นขึ้นมาเหมือนกันค่ะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Jans
วันที่ 18 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
กระจ่าง
วันที่ 15 ต.ค. 2553
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ