ทรัพย์ ๕ ประการ [ธนสูตร]
[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓
๗. ธนสูตร
ว่าด้วยทรัพย์ ๕ ประการ
[๔๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทรัพย์ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉนคือ ทรัพย์คือ ศรัทธา ๑ ทรัพย์คือ ศีล ๑ ทรัพย์คือ สุตะ ๑ ทรัพย์คือ จาคะ ๑ ทรัพย์คือ ปัญญา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ทรัพย์คือ ศรัทธาเป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา ย่อมเชื่อพระปัญญาเครื่องตรัสรู้ของตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม นี้เรียกว่า ทรัพย์คือ ศรัทธา. ก็ทรัพย์คือ ศีลเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากปาณาติบาต ฯลฯ เว้นขาดจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท นี้เรียกว่า ทรัพย์คือ ศีล. ก็ทรัพย์คือ สุตะเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นพหูสูต ฯลฯ แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ นี้เรียกว่าทรัพย์ คือ สุตะ.ก็ทรัพย์คือ จาคะเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้มีใจปราศจากมลทิน คือ ความตระหนี่อยู่ครองเรือน มีจาคะอันปล่อยแล้วมีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการเสียสละ ควรแก่การขอ ยินดีในทานและการจำแนกทาน นี้เรียกว่า ทรัพย์ คือ จาคะ. ก็ทรัพย์คือ ปัญญาเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยปัญญาอันหยั่งถึงความตั้งขึ้นและความเสื่อมไป เป็นอริยะ ชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ นี้เรียกว่า ทรัพย์คือ ปัญญา. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายทรัพย์ ๕ ประการนี้แล.
ผู้ใดมีความเชื่อในตถาคต ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว มีศีลอันงาม อันพระอริยะ ชอบใจ สรรเสริญ มีความเลื่อมใสใน พระสงฆ์ และมีความเห็นตรง บัณฑิต ทั้งหลายกล่าวผู้นั้นว่า ไม่เป็นคนขัดสน ชีวิตของผู้นั้นไม่เปล่าประโยชน์ เพราะ เหตุนั้น ผู้มีปัญญา เมื่อนึกถึงคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พึงประกอบ ศรัทธา ศีล ปสาทะ และความเห็นธรรม เนืองๆ เถิด
จบธนสูตรที่ ๗