ทบทวนเรื่องของปัจจัย [๑๒]
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โมหมูลจิต เป็นจิตซึ่งประกอบด้วย "เหตุเจตสิก" เพียงเหตุเดียว คือ โมหเหตุ โมหมูลจิต เป็นจิตที่มีกำลังอ่อน โดยลักษณะของโมหมูลจิต เมื่อไม่ประกอบด้วยโลภเจตสิก หรือไม่ประกอบด้วยโทสเจตสิก ก็ไม่เป็น อธิปติปัจจัย
สำหรับ วิบากจิต คือ โลกิยวิบากจิต ทั้งหมดไม่เป็น อธิปติปัจจัย และไม่เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย แต่ว่าโลกุตตรวิบากจิต เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย
สำหรับ กริยาจิตซึ่งส่วนใหญ่เป็น (มหากิริยาจิต) จิตของพระอรหันต์ กริยาจิตที่เป็นชวนจิต ต้องเป็นของพระอรหันต์ เท่านั้นปุถุชน จะไม่มีกริยาจิตที่เป็นชวนจิตเลย เพราะเหตุว่า ปุถุชนเห็นแล้ว ชวนจิต เป็นกุศลบ้าง หรือเป็นอกุศลบ้างชวนจิตของปุถุชน จึงเป็น กุศลจิตบ้าง หรือ อกุศลจิตบ้างไม่ได้เป็น มหากริยาจิต ซึ่งเป็นชวนจิตของพระอรหันต์. เพราะฉะนั้นกริยาจิต ที่เป็นชวนจิต จึงเป็นของพระอรหันต์ เท่านั้น
สำหรับ กริยาจิตที่เป็นชวนจิต ที่ไม่ประกอบด้วยเหตุมี ๑ ประเภท คือ หสิตตุปปาทจิต ซึ่งเป็นจิตที่เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ทำให้เกิดการยิ้มแย้มเพียงเล็กน้อย ของพระอรหันต์ ในขณะที่จิตของพระอรหันต์ เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ซึ่งขณะนั้น เป็นปัจจัยให้รูปปรากฏเป็น ลักษณะการยิ้มของพระอรหันต์
ข้อความบางตอนจากเทปชุดปัฏฐาน (ปัจจัย ๒๔) ตอนที่ ๗
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนา