การให้ส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว [ติโรกุฑฑสูตร]
ระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 276 ติโรกุฑฑสูตร ว่าด้วยการให้ส่วนบุญแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระเจ้าพิมพิสาร เป็นคาถาว่า [๘] ฝูงเปรตพากันมายังเรือนของตน ยืนอยู่ที่ นอกฝาเรือนบ้าง ยืนอยู่ที่ทาง ๔ แพร่ง ๓ แพร่งบ้าง ยืนอยู่ใกล้บานประตูบ้าง. เมื่อข้าวน้ำ ของเคี้ยว ของกินเขาวางไว้เป็นอัน มาก ญาติไรๆ ของเปรตเหล่านั้น ก็ระลึกไม่ได้ เพราะ กรรมของสัตว์ทั้งหลายเป็นปัจจัย. ชนเหล่าใด เป็นผู้เอ็นดู ชนเหล่านั้นย่อมให้น้ำ ข้าว อันสะอาด ประณีต อันสมควร ตามกาล อุทิศ เพื่อญาติทั้งหลาย อย่างนี้ว่า ขอทานนี้แล จงมีแก่ ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลาย จงมีสุขเถิด. ส่วนฝูงเปรตที่เป็นญาติเหล่านั้น มาแล้ว พร้อม แล้ว ก็ชุมนุมกันในที่ให้ทานนั้น ย่อมอนุโมทนาโดย เคารพ ในข้าวน้ำเป็นอันมากว่า เราได้สมบัติเพราะ เหตุแห่งญาติเหล่าใด ขอญาติเหล่านั้น ของเรา จงมี ชีวิตยั่งยืน ทั้งการบูชา ญาติผู้เป็นทายกก็ได้กระทำแก่ พวกเราแล้ว อนึ่ง ทายกทั้งหลาย ย่อมไม่ไร้ผล. ในปิตติวิสัยนั้น ไม่มีกสิกรรมการทำไร่การทำ นา ไม่มีโครักขกรรม การเลี้ยงโค. ในปิตติวิสัยนั้น การ ค้าเช่นนั้น การซื้อขายด้วยเงิน ก็ไม่มี. ผู้ทำกาลกิริยาละไปแล้ว ย่อมยังอัตภาพให้เป็น ไปในปิตติวิสัยนั้น ด้วยทานที่ญาติให้แล้วจากมนุษย์โลกนี้. น้ำตกลงบนที่ดอน ย่อมไหลไปสู่ที่ลุ่ม ฉันใด ทานที่ทายกให้ไปจากมนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จผลแก่ฝูง เปรตฉันนั้นเหมือนกัน. ห้วงน้ำเต็มแล้ว ย่อมยังสาครให้เต็มฉันใด ทาน ที่ทายกให้ไปนากมนุษยโลกนี้ ย่อมสำเร็จผลแก่ฝูง เปรตฉันนั้น เหมือนกัน. บุคคลเมื่อระลึกถึงกิจที่ท่านทำมาแต่ก่อนว่าท่าน ได้ทำกิจแก่เรา ได้ให้แก่เรา ได้เป็นญาติมิตรเป็นเพื่อน ของเรา ดังนี้ จึงควรให้ทักษิณาแก่ฝูงเปรต. การร้องไห้ การเศร้าโศก หรือการพิไรรำพัน อย่างอื่นๆ ก็ไม่ควรทำ เพราะการร้องไห้เป็นต้นนั้น ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ญาติทั้งหลาย ก็ คงอยู่อย่างนั้น. ทักษิณานี้แล อันทายกให้แล้ว ตั้งไว้ดีแล้วใน พระสงฆ์ ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ทายกนั้น โดยฐานะ ตลอดกาลนาน. ญาติธรรมนี้นั้น ก็ทรงแสดงแล้ว การบูชาผู้ล่วง ลับไปแล้ว ก็ทรงทำโอฬารแล้ว ทั้งกำลังของภิกษุ ทั้งหลาย ก็ทรงเพิ่มให้แล้ว บุญพระองค์ก็ทรงขวน ขวายไว้มิใช่น้อย. จบติโรกุฑฑสูตร