ช่วยชี้ทางสว่างปัญหาชีวิต

 
boy_akk
วันที่  22 ธ.ค. 2552
หมายเลข  14826
อ่าน  7,871

นานมาแล้วประมาณ 9 ปี ผมเคยทำผิดต่อแม่ด้วยคำพูดที่รุนแรงอย่างมากทำให้แม่ต้องร้องไห้ ซึ่งมาถึงวันนี้ผมอายุ 27 ปี ยังจดจำความผิดที่ทำไว้ตลอดไม่เคยลืมและเป็นทุกข์มากเมื่อนึกถึง เหตุการณ์เนื่องมาจากพ่อแม่ทะเลาะกัน (จากที่ก่อนหน้าครอบครัวผมอยู่กันอย่างอบอุ่นมาก) ตอนนั้นผมอายุ 18 ปี เป็นเด็กที่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรแต่เป็นเด็กเรียนดีและเด่นด้านกิจกรรม ซึ่งกำลังใจและความฝันทั้งหมดคือทำเพื่อพ่อและแม่ จากครอบครัวที่แสนอบอุ่นไม่นาน พ่อกับแม่ก็เริ่มผิดใจกันทะเลาะกันทุบตีกันต่อหน้าผมประจำ จนผมอายุ 19 ปี ต้องไปเรียนไกลบ้าน คิดถึงพ่อแม่บ่อยมาก ได้โอกาสกลับบ้าน ก็มาเจอเหตุการณ์เดิมทุกครั้ง เพราะคนหนึ่งต้องการให้ผมอยู่ในเหตุการณ์ และแล้วผมก็เริ่มคิดลองเดินชีวิตไปในทางลบ คงเป็นเพราะไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอยู่คนเดียวโดดๆ และแล้ววันหนึง แม่ก็ย้ายออกจากบ้านเพราะทนไม่ใหว พ่อก็ให้ผมไปพาแม่กลับบ้าน แต่ตอนนั้นผมสับสนไปหมด ขอให้แม่กลับบ้านแต่แม่ไม่ยอมกลับ ผมจึงใช้คำแรงมากกับแม่ครับ ผมเทียบแม่ผมกับแม่สุนัข ซึ่งเวลานั้นร้องไห้ทั้งผมและแม่

ผ่านมา 9 ปีจนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เคยลืมความผิดอันใหญ่หลวงที่ผมได้ทำลงไปกับแม่ของผม และถ้าตอนนั้นผมกล้าพูดกล้าทำเพื่อเป็นคนกลางให้พ่อกับแม่เข้าใจกัน (ตอนนั้นพ่อกับแม่ไม่มีทางออก คงอยากให้ผมช่วย) ครอบครัวผมคงไม่แตกมาถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันผมคิดอยู่เสมอว่าทุกอย่างเป็นเพราะผม บาปกรรมที่ผมได้ทำไว้กับผู้มีพระคุณครั้งนี้ โดยเฉพาะที่ใช้คำรุนแรงกับแม่ จะลบล้างหรือทำให้เบาลงได้ไม๊ครับ ผมรู้สึกผิดมาโดยตลอดจำไม่เคยลืมและทุกข์ทุกครั้งที่นึกขึ้นมา แต่แม่สิไม่เคยโกรธไม่เคยว่าผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมเมื่อผมเดือดร้อนทุกๆ เรื่องแม่นี่แหละเป็นคนแรกที่ยื่นมือมาช่วยผม ผมละอายใจตัวเองมากครับ บัจจุบันนี้ผมก็พยายามดีกับแม่และพ่อให้มากที่สุดครับ แต่ก็มีปัญหาอีกคือถ้าผมทุ่มเทให้แม่มาก พ่อก็จะน้อยใจ และถ้าผมทุ่มเทให้กับพ่อมาก แม่ก็จะน้อยใจ ปัจจุบันนี้ผมอยู่ไกลบ้านครับ กรรมอย่างที่ 2 ช่วงนั้นที่ผมเดินทางผิดมากๆ ได้ทำเรื่องเลวร้ายอีกอย่าง คือผมทำผู้หญิง 2 คนท้องแล้วทำแท้งครับ ผมก็รู้สึกผิด แล้วไม่เคยลืมถึงทุกวันนี้ แต่ผู้หญิง 1 ใน 2 คนที่กล่าวมา ยังคบหากับผมอยู่ทุกวันนี้ซึ่งผมคิดจะแต่งงานใช้ชีวิตด้วยกันบาปกรรมที่กล่าวมาผมรู้สึกผิดมากๆ มาถึงทุกวันนี้ ผมทุกข์ใจมาตลอด 9 ปีครับ เรื่องอดีตผมกับไปแก้ไขไม่ได้ ผมควรทำไงได้บ้างครับเพื่อลดล้างบาป ชีวิตนี้คงล้างไม่หมดใช่ไหมครับ ผมพอจะทำอะไรทดแทนได้บ้าง และทำยังไงให้ผมรู้สึกดีขี้นได้บ้างครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 22 ธ.ค. 2552

สิ่งใดที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปแล้ว นำกลับคืนมาใหม่ไม่ได้ แต่ปัจจุบันยังมีสิ่งดีๆ ที่ต้องทำอีกมาก บุคคลในสมัยครั้งพุทธกาลเมื่อกระทำผิดพลาดในทางไม่ดีท่านก็กระทำการขอขมา ขออดโทษต่อท่าน ด้วยตั้งใจว่าจะไม่กระทำอย่างนี้อีกแล้วสำรวมระวังต่อไป ย่อมทำให้เป็นผู้เจริญในธรรมวินัยนี้ได้ ดังนั้น การสะสมคุณความดีบ่อยๆ อบรมเจริญปัญญาให้เจริญขึ้น ย่อมละความเดือดร้อนใจลงได้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Sam
วันที่ 22 ธ.ค. 2552

ชีวิตคือการสะสมและสืบต่อ ทุกชีวิตมีการสะสมทั้งความดีและความไม่ดีมาแล้วในอดีต ซึ่งสิ่งที่เคยสะสมไว้ในอดีตนั้นเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นเหตุให้เราทำความดีและความไม่ดีในปัจจุบัน และการกระทำในปัจจุบันนี้ก็สะสมต่อไปเป็นปัจจัยต่อการกระทำในอนาคต เป็นวัฏฐจักรที่ไม่รู้จบ ซึ่งนำเราไปสู่สุขติบ้าง สู่อบายบ้าง

อดีตนั้นผ่านไปแล้ว หมดไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เลยครับ และการนึกถึงอดีตด้วยจิตใจที่เศร้าหมองก็เป็นโทษ ซึ่งเราก็บังคับความคิดจิตใจไม่ได้เลยเพราะอะไร? .... ก็เพราะเคยสะสมที่จะคิดเช่นนั้นมาแล้ว

ส่วนอนาคตนั้น ยังไม่มาถึง ยังไม่แน่นอน ซึ่งจะเป็นเช่นไรต่อไปเรารู้ไม่ได้เพราะขึ้นอยู่กับเหตุที่เคยสะสมแล้ว และปัจจัยอื่นๆ ที่จะมีอยู่ในขณะนั้น

ดังนั้น การทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้น ก็ด้วยการกระทำในปัจจุบัน ซึ่งสิ่งที่มีประโยชน์มากคือการสอบถาม และขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ ว่าควรทำอะไร และทำอย่างไร เพื่อบรรเทาผลเสียจากการกระทำในอดีต (ดังเช่นในความคิดเห็นที่ ๑) ส่วนประโยชน์อย่างยิ่งคือการศึกษาพระธรรม เพราะว่าความเข้าใจจากการศึกษานี้ เป็นความดีที่มีกำลังมากพอที่จะช่วยบรรเทาการสะสมที่ไม่ดีที่เคยทำมาแล้ว เช่น การนึกถึงอดีตด้วยใจที่เศร้าหมอง และประโยชน์สูงที่สุดคือการนำออกจากการเวียนว่ายในวัฏฏะอันไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่แน่นอนว่าต่อไปจะนำเราไปสู่ความตกต่ำขนาดไหนครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 22 ธ.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ทุกอย่างย้อนกลับไม่ได้หรอกครับ สิ่งที่คุณคิดก็ดับไม่เหลือแล้ว สิ่งที่คุณอยากจะให้เป็นไปในอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้น กรรมและธรรมทำให้ชีวิตดำเนินไปเป็นอย่างนั้น ความจริงก็คือความจริง ทุกข์ก็จริง ใครก็ห้ามให้คุณไม่คิดอย่างนั้นไม่ได้แต่เราควรพิจารณาว่าเหตุการณ์ในอดีตเป็นบทเรียน ก็มาจากกิเลสทั้งนั้นแหละครับที่สะสมมา จนบัดนี้ที่ทุกข์ก็เพราะกิเลส ดังนั้น ผมคงไม่มีวิธีให้คุณหายทุกข์ได้ทันทีเพราะต้องเป็นปัญญาของคุณเอง และปัญญาจะเกิดได้จากการฟังธรรม ทุกข์ๆ สุขๆ ต้องเป็นอย่างนี้ครับ แต่เราเคยคิดที่จะหาหนทางดับทุกข์ที่แท้จริงหรือยัง ด้วยการศึกษาธรรม ไม่ใช่เพียงแค่ทำให้สบายใจขึ้นแต่ก็ไม่รู้ความจริง นี่คือสิ่งที่จะแนะนำครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่...

ผู้มีราตรีเดียวเจริญ [ภัทเทกรัตตสูตร]

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
oom
วันที่ 23 ธ.ค. 2552

เรื่องอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้ว เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ สิ่งที่จะช่วยได้คือ พระธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ขอให้คุณฟังธรรมจากท่านอจ.สุจินต์ และท่านอาจารย์อื่นๆ ที่มูลนิธิมากๆ อย่าลืมว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ถ้าคุณเข้าใจก็จะค่อยๆ ละคลายความทุกข์เรื่องราวในอดีตได้เอง จิตใจจะได้ไม่เศร้าหมอง เพราะถ้าจิตเราเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่หวัง ทุกคนล้วนมีเรื่องราวในอดีตทั้งนั้น เรื่องมีเพราะคิด ถ้าไม่คิดเรื่องก็ไม่มี ทางเดียวที่จะช่วยคุณได้คือ ธรรมโอสถ ฟังธรรมให้เข้าใจ ถ้ายังไม่เข้าใจก็ต้องฟังต่อไป เพื่อความเข้าใจ แล้วปัญญาจะทำหน้าที่ของปัญญา รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แล้วคุณจะไม่ทุกข์ใจค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
hadezz
วันที่ 23 ธ.ค. 2552

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
boy_akk
วันที่ 23 ธ.ค. 2552

ขอบคุณทุกท่านมากครับ คงเป็นเพราะการสะสมความคิดความทรงจำที่เป็นทุกข์มาโดยตลอด จนทุกวันนี้มีแต่ทุกข์และการหยุดพัฒนาของปัญญา คงต้องใช้เวลาค่อยๆ ซึมซับคุณความดีเข้าไปแทนที่สิ่งสะสมมาที่ทำให้เกิดทุกข์ ด้วยการทำคุณความดีมากๆ และการศึกษาธรรม และผมต้องพยายามอย่าไปคิดถึงอดีตที่ทำให้เกิดทุกข์ ต้องคิดถึงแต่สิ่งดีๆ ใช่ใหม่ครับถึงจะดับทุกข์ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 23 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Sam
วันที่ 23 ธ.ค. 2552

เรียน ความคิดเห็นที่ 7

....คงเป็นเพราะการสะสมความคิดความทรงจำที่เป็นทุกข์มาโดยตลอด จนทุกวันนี้มีแต่ทุกข์และการหยุดพัฒนาของปัญญา คงต้องใช้เวลาค่อยๆ ซึมซับคุณความดีเข้าไปแทนที่สิ่งสะสมมาที่ทำให้เกิดทุกข์ ด้วยการทำคุณความดีมากๆ และการศึกษาธรรม

ขออนุโมทนาครับ

....และผมต้องพยายามอย่าไปคิดถึงอดีตที่ทำให้เกิดทุกข์ ต้องคิดถึงแต่สิ่งดีๆ ใช่ใหม่ครับถึงจะดับทุกข์ได้

การทำความดีทุกประการ เป็นการสะสมที่ดี และเป็นปัจจัยให้เราระลึกถึงความดีที่ได้กระทำแล้ว ซึ่งขณะนั้นเป็นจิตที่ผ่องใส ไม่มีโทษครับ แต่ไม่มีใครบังคับ จิตใจให้คิดอะไร หรือไม่คิดอะไรได้ แม้กำลังทำความดีอยู่ ก็อาจคิดสิ่งไม่ดีสลับกันไปก็ได้ เพราะการสะสมเก่าๆ นั้นมีมานาน และมีมามาก ดังนั้น จึงควรทำความดีทุกประการโดยไม่ต้องพะวงเรื่องของผล เพราะหากได้ทำความดีมากพอ และมีกำลังพอ ผลอันเป็นสุขก็จะปรากฎขึ้นเองโดยไม่ต้องหวังเลย ซึ่งเป็นการมีตนเป็นที่พี่งนั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วิริยะ
วันที่ 23 ธ.ค. 2552

เรียนเจ้าของหัวข้อคุณ boy_akk

ขอให้คุณ boy_akk หมั่นใส่ใจศึกษาธรรม สนทนากับท่านผู้รู้บนเว็บไซค์บ้านธรรมแห่งนี้ และฟังการบรรยายธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ให้บ่อยๆ เนืองๆ นี่จะเป็นหนทางที่ดีที่สุดของชีวิต ขอให้เริ่มต้นฟังอย่างตั้งใจนะคะ แล้วคุณจะค่อยๆ เห็นทางสว่างค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Guest
วันที่ 23 ธ.ค. 2552

บางครั้งอกุศลปิดทาง และไม่มีกำลังปัญญา ก็พ่ายแพ้อกุศลอยู่บ่อยๆ แต่อย่าให้ล่วงอกุศลกรรมบถมากนัก ทำไงได้ละชีวิตเลือกไม่ได้ ความเข้าใจช่วยได้ แต่ต้องขอกราบประทานโทษด้วยนะครับ เพราะว่าผู้ที่เขี่ยนยังไม่มีความเข้าใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ซอมพอ
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ปีใหม่ที่จะถีงนี้ จัดหาดอกไม้ธูปเทียน ไปสวัสดีปีใหม่แม่ แล้วถือโอกาสขอขมาท่านเสียระบายความทุกข์ที่คุณรู้สึกตลอดระยะเวลาเก้าปีที่ผ่านให้ท่านทราบ อาจจะทำให้ความรู้สึกของคุณดีขึ้นบ้าง ถ้ายังไม่หายก็ทำบ่อยๆ ตามแต่โอกาส ส่วนเรื่องทำแท้งก็หมั่นอุทิศส่วนกุศลไปให้ทุกครั้งที่ทำบุญ หรือปฏิบัติธรรม ขอให้คุณตั้งมั่นอยู่ในความดีทำดีมากๆ ถึงจะลบล้างบาปไม่ได้ แต่ก็จะเป็นทุนหนุนนำให้ห่างไกลได้

อนุโมทนา สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
punjira
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

เข้าใจและเห็นใจเจ้าของกระทู้มากเลยค่ะ ความทุกข์ใจที่เกิดจากความคิดถึงสิ่งได้ทำในอดีต แม้จะรู้ว่าสิ่งนั้นผ่านไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ แต่ความฝังใจ ทำให้คิดถึงสิ่งนั้นอยู่เนืองๆ คิดแล้วก็ทุกข์ ห้ามไม่ให้คิดก็ห้ามไม่ได้ เพราะความคิดก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง และธรรมใดๆ ล้วนเป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่อยากคิด แต่ก็คิด .. การลืมอดีตของแต่ละคนไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับเรื่องราว และขึ้นอยู่กับการสั่งสมอุปนิสัยของแต่ละคนด้วย ทุกข์กายเกิดจากกรรม ทุกข์ใจเกิดจากกิเลส ...หากคุณคิดและพิจารณาขณะที่ทุกข์ใจเกิด จะรู้ว่าขณะนั้นไม่ใช่สภาพจิตที่ดีงามควรแก่การสะสมเลย เป็นสภาพจิตที่เป็นอกุศล เมื่อเราคิดบ่อยๆ เนืองๆ เราก็สะสมอกุศลจิตไปเรื่อยๆ อกุศลไม่มีประโยชน์ใดๆ เลยมีแต่โทษ...

สิ่งที่ผ่านมาแล้ว เป็นบทเรียน ที่จะสอนและเตือนตัวเองไม่ให้กระทำเช่นนั้นอีก ไม่มีใครไม่เคยทำผิด เชื่อว่ามีหลายคนที่ทำผิดพลาดในอดีตที่เมื่อคิดถึงก็ทุกข์ใจ.. ไม่อยากให้คุณเสียเวลาในปัจจุบันด้วยเรื่องในอดีต เพราะเราไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่า เวลาของเราเหลือมากน้อยแค่ไหน เราอาจจะสิ้นชีวิตในวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ได้.. ดังนั้นในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรจะอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจในธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ เพื่อวันหนึ่งข้างหน้าเราจะได้หมดทุกข์ หมดทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจ อย่าเสียเวลาเลยนะคะ..เพราะไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง ที่อาศัยที่แท้จริงได้ ขอให้ศึกษาพระธรรมเพราะพระธรรมเป็นที่พึ่งได้ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pml7419
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาในความกล้าที่เอาเรื่องส่วนตัวมาเผยแพร่ และขออนุโมทนาในคำตอบชี้แนะของทุกท่านครับ แนวคิดของผมก็คือ1.เมื่ออายุ 19 ปี วิจารญาณยังไม่เพียงพอ และเพราะพ่อแม่ทะเลาะให้เห็นบ่อยๆ ทำให้คุณกระทำการพลาดพลั้งไป2.คุณรักพ่อและแม่มาก ถ้าเป็น ณ ขณะนี้ ถ้าท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ อยากให้คุณเข้าไปกราบเท้าขอขมาท่านพ่อและท่านแม่ และบอกกับท่านว่า "ด้วยเลือดเนื้อร่างกายนี้ลูกได้ถือกำเนิดมาด้วยความรัก ของท่าน ทั้งสอง หากลูกผิดพลาดพลั้งไปลูกขอกราบขอขมาต่อท่านทั้งสอง" หวังว่าเมื่อคุณได้ขอขมาต่อ ท่านพ่อและท่านแม่แล้ว ด้วยกุศลผลบุญ ตั้งแต่ชาติต้น จวบชาติปัจจุบัน คุณก็ขออธิษฐาน ขอให้ื้ท่านทั้งสอง โปรดได้เห็น คุณงามความดีของกันและกันให้มาก และขอขมาซึ่งกันและกัน คนเราหากยังมีชีวิตก็ไม่ควรผูกพยาบาทกัน เพราะหากตายไปแล้วก็จะต้องไปผูกเวรผูกกรรมต่อกันอีก3.เพราะว่าชีวิตคนเรานี้น้อยนัก ควรให้ความรัก ให้อภัยต่อกันมากๆ จะได้ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดกัน เพราะถือเขาถือเรานี่แหละ4.ส่วนคุณกับแฟนและเรืองการทำแท้ง ที่ว่าก็ในเมื่อมาถึงจุดนี้คุณ น่าจะตัดสินใจได้ว่าควรทำเช่นไร เพราะ คุณไม่ได้ห่างจากธรรมเลย "หากความเห็นของผมไม่ถูกต้องประการใด ก็ขออภัยนะครับ เพราะมันมาจากใจและความปราถนาดี"

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

รู้สึกละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป ... แสดงว่ายังมี "หิริโอตตัปปะ" เหตุการณ์ที่ผ่านมา ขอให้เป็นบทเรียนและเป็นจุดเริ่มต้น ... ที่จะพัฒนาไปสู่ความรู้ความเข้าใจชีวิตที่ถูกต้องนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
boy_akk
วันที่ 25 ธ.ค. 2552

จริงๆ แล้วผมก็เป็นคนที่เกรงกลัวต่อบาปมาก อย่างที่ความคิดเห็นที่ 15เข้าใจครับ แต่มาช่วงหลายปีหลังๆ นี้ ผมได้ก้าวมาอยู่ในสังคมกว้างที่มากหน้าหลายตา ผมก็ชอบยื่นมือเข้าช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตว์ที่ลำบากโดยไม่หวังผลไดๆ ถึงขนาดคิดว่าจะไม่เข้าวัดทำบุญหรือถวายสังฆทาน เพราะจากความคิด ว่าแต่ละวันมีคนจำนานมากไปทำกันเยอะอยู่แล้ว เราเอาเวลานั้นมาช่วยคนที่ทุกข์ยากลำบากดีกว่า แต่บ่อยครั้งที่ช่วยเหลือแล้วสิ่งที่ได้กลับมาเหมือนโดนหลอกหรือเหมือนเป็นโทษทำให้เกิดทุกข์ ผมเลยเคยคิดว่าทำไมเราทำความดี เพื่อให้เค้าได้สิ่งดีๆ โดยเราไม่หวังผล แต่กลับได้ผลในทางตรงกันข้าม จนทำให้ผมสับสนคิดว่าทำไมต้องทำความดี เห็นคนทำผิดเยอะแยะที่ได้ดีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากไม่ต้องพึ่งใคร แต่ผมจะคิดขนาดใหน ก็ไม่กล้ากระทำในสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้อง ไม่กล้าทำอะไรที่ทำให้ผู้อื่นทุกข์ เจ็บ และเดือดร้อน เพราะละอายใจและเกรงกลัวต่อบาป ก็กลับมาทุกข์อยู่คนเดียว บางครั้งก็คิดว่าอดีตเราก็ทำไว้มาก ทำไว้กับพ่อแม่และอีก 2 ชีวิต ที่เจออยู่ตอนนี้อาจกำลังชดใช้สิ่งที่ทำในอดีตก็เป็นได้


ขอขอบคุณทุกๆ ท่านมากนะครับ ที่ช่วยชี้แนะแนวทางชีวิต ทางสว่างให้กับผม และเป็นแรงกำลังใจให้ผมเป็นอย่างดี ความผิดพลาดที่ผ่านมาถ้าจะให้ลืมไปเลยคงจะยาก ผมจะถือเป็นบทเรียนให้กับตัวเองไม่ให้ทำผิดซ้ำอีก และไว้สอน ไว้ชี้นำทาง ให้คนอื่นอย่าหลงเดินทางผิดต่อไป

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
WS202398
วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขอให้กล้าหาญ อดทนครับ พิจารณาให้เห็นให้ได้ครับว่า ทุกคนไม่เว้น ไม่ว่าอายุมากน้อย รวยจน ฐานะอย่างไร หากยังมีกิเลสอยู่ก็ทำผิดได้เป็นธรรมดาจริง และหมั่นศึกษาพระสูตร เรียนรู้จากบุคคลต่างๆ ในพระสูตรครับว่ามีปัญหาอย่างไร พระศาสดาตรัสสั่งสอนอย่างไร เราไม่ใช่คนเดียวที่กำลังเดินทางในเส้นทางที่ยาวนาน และมีท้ั้งทุกข์และสุขนี้่

แต่ก็ยอมรับครับว่าเป็นเรื่องยากที่จะพิจารณาให้เห็นเช่นนั้นได้ โดยใจยอมรับได้จริง ผมเข้าใจ

ผมก็เคยทำผิดครับ ผมก็กลัววิบากเช่นกัน แต่ความกลัวช่วยอะไรเราไม่ได้ครับ ความกล้าหาญ ความซื่อสัตย์ จะช่วยเรา พระพุทธเจ้าผู้เปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาคุณหาที่สุดมิได้ ได้ชี้ทางไว้แล้วครับ พยายามเดินตามไปด้วยใจกล้าหาญ

ลองนึกถึงพระโพธิสัตว์ เส้นทางการสะสมบารมีของท่านบางครั้ง อาจผิดพลาดต้องได้รับผลร้าย แต่ที่สุดท่านก็ถึงจุดหมายด้วยความมุ่งมั่นและกล้าหาญ เข้มแข็งอดทน ไม่ต้องกลัวครับ แต่ให้กลัวบาปที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ครับ

ผมเข้าใจว่ายากแต่ก็ขอให้กำลังใจครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
WS202398
วันที่ 13 ม.ค. 2553

สิ่งที่เคยทำ ไม่เคยทำ

ขอเชิญอ่าน...

อะไรที่ไม่เคยทำ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ