ปัญญาต้องรู้อย่างไรเมื่อรูปมากระทบทวารทั้ง 6 แล้วเป็นคนสัตว์สิ่งของทุกที

 
รวส
วันที่  23 ธ.ค. 2552
หมายเลข  14835
อ่าน  2,940

ผมเข้าใจว่าเป็นการคิดนึกตามที่ท่านอาจารย์สอนเมื่อรูปมากระทบแต่ก็ไม่ประจักแจ้ง ปัญญาต้องระลึกไปเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ รบกวนท่านผู้รู้ช่วยตอบให้หายข้องใจหน่อยครับ

กราบขอบพระคุณครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 24 ธ.ค. 2552
ต้องฟังให้เข้าใจก่อนครับ ว่าแต่ละขณะก็คือสภาพธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้นและส่วนใหญ่เป็นการคิดตามการศึกษามา มีการระลึกรู้ตรงลักษณะบ้างแต่ยังไม่ประจักแจ้ง ต้องใช้เวลา และเป็นกิจของปัญญา ไม่ใช่เราครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
hadezz
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ต้องฟังจนกว่าจะเข้าใจจริงๆ ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ปัญญาเริ่มระลึกรู้ตรงลักษณะของนามธรรม หรือรูปธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นตามลำดับไม่ข้ามขั้น ปัญญาจึงเปรียบเหมือนการจับด้ามมีด

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วิริยะ
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nida
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ต้องเริ่มจากการฟังด้วยดีก่อนครับแบบสบายๆ ไม่ต้องกังวนเร่งรีบครับ เมื่อฟังแล้วเข้าใจ (ไม่ใช่จำนะ) ก็ตามรู้สึกกายไปรู้สึกใจไปเป็นผู้ดูเฉยๆ จิตดีก็รู้จิตไม่ดีก็รู้ ไม่ต้องแก้ไข ไม่แทรกแซง เพราะสภาวธรรมเขาทำกิจอยู่แล้ว ตามความเป็นจริง คือ มันเป็นเอง ไม่ใช่ เราเป็นเอง เช่น

ใจ คิดอยู่เสมอ นี้ มันเป็นเอง หรือ เราเป็นเอง

กายเคลื่อยไหวนี้ มันเป็นเอง หรือ เราเป็นเอง

หิว ปวด หนาว มันเป็นเอง หรือ เราเป็นเอง

เราเป็นเองใช่ไหม หรือ มันเป็นเอง (สภาวธรรมรูป นาม) ของมัน

ธรรมะเป็นธรรมะ ไม่ใช่ เป็นใครทำเอง แต่เป็นเอง นานแล้ว แต่ไม่รู้ เหมือนปลาไม่เห็นน้ำ คนไม่เห็นธรรม เพราะมี ตัณหาและอวิชชาปิดบัง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sam
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

การคิดนึกตามที่ท่านอาจารย์บรรยายนั้น เป็นความเข้าใจที่ได้รับจากการฟัง หรือเป็นปัญญาขั้นการฟังซึ่งเป็นปัญญาขั้นต้นครับ แม้ปัญญาขั้นฟังจะไม่สามารถรู้ หรือประจักษ์สภาพธรรมะโดยความเป็นธรรมะได้ แต่ความเข้าใจจากการฟังนี้เป็น ปัญญาขั้นเริ่มต้นที่จะพัฒนาไปสู่ปัญญาขั้นสติปัฏฐาน ซึ่งจะค่อยๆ ระลึกลักษณะของ รูปธรรมและนามธรรมทีละนิดทีละหน่อย (แม้แต่ท่านผู้ที่สติปัฏฐานเกิดแล้ว ก็ยัง ต้องอาศัยการฟังพระธรรมเป็นปัจจัยที่อุปการะให้สติเกิดขึ้นทำกิจบ่อยๆ เนืองๆ ) ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มศึกษา หรือผู้ที่ศึกษามานานแล้ว ก็ควรฟังพระธรรมเพื่อสะสมอบรม ปัญญาให้เจริญขึ้นต่อไป

สำหรับกรณีของท่านผู้ถาม ผมคิดว่าควรอดทนฟังต่อไปครับ ส่วนสติพร้อม ด้วยปัญญาจะเกิดขึ้นทำกิจระลึกศึกษาสภาพธรรมได้ ก็เมื่อปัญญาขั้นฟังนี้มากพอ และมั่นคงพอที่จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นที่สูงขึ้นเกิดทำกิจได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เริ่มจากคำว่าทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตาคือ บังคับบัญชาไม่ได้ ปัญญาเป็น ธรรมและเป็นอนัตตาด้วยคือบังคับให้เกิดก็ไมได้ ดังนั้นในขณะที่รูปมากระทบจึงไม่ใช่ การบอกให้ทำแล้วจะทำได้หากปัญญาไม่เกิด ซึ่งกว่าปัญญาจะเกิดรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่ คน สัตว์ สิ่งของก็ต้องอาศัยการอบรมปัญญายาวนานมากๆ ๆ ๆ ครับ ถ้าจะทำ จะให้บอก วิธี หรือจะทำอย่างไร เราก็ลืมคำว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ก็ทำให้ช้าลงไปอีกเพราะ ถูกความต้องการ (โลภะ) ที่จะทำซึ่งไม่ใช่เหตุให้เกิดปัญญา เหตุให้เกิดปัญญาคือฟังต่อ ไป ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้น รู้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ยังไม่ถึงเวลาจะให้รู้ก็รู้ไม่ได้หรอกครับ ควรจะเข้าใจว่าการที่ปัญญายังไม่เกิดที่จะรู้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคลนั้นเป็นปกติ เพราะปกติสะสมความไม่รู้มามากแต่ถ้าเห็นเป็นธรรมแล้ว ก็คงจะผิดปกติเพราะฟังธรรม ยังไม่ถึงกัปหนึ่งเลยครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 24 ธ.ค. 2552

อาศัยความรู้ความเข้าใจขั้นปริยัติที่มาจากการฟัง...มาศึกษาและพิจารณาสภาพธรรมในขณะนี้ ค่อยๆ สะสม อบรมและพิจารณาจนกว่าจะรู้ความจริง......ว่าสิ่งที่กำลังปรากฎเป็นเพียงธาตุหรือธรรมแต่ละอย่างเท่านั้นค่ะ......สัญญาที่มั่นคงก็เริ่มจากตรงนี้ ตรงที่ความจริง (สัจจธรรม) กำลังปรากฎ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bsomsuda
วันที่ 28 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ อ่านทั้งหมดแล้วได้วิธีคิดพิจารณาและเข้าใจความจริงของการศึกษาธรรมะมากขึ้นขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
รวส
วันที่ 9 ม.ค. 2553

กราบอนุโมทนาครับและขอขอบพระคุณทุกท่านที่บอกทางสว่างให้ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
buntham-2488
วันที่ 22 ส.ค. 2553

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ

ขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ