ความสืบเนื่องแห่งนามธรรมและรูปธรรม ๑
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระเจ้ามิลินท์ ตรัสถามว่า ดูก่อน พระนาคเสน นาม-รูปเดิมนี้หรือ จักกลับมาเกิดอีก
พระนาคเสน ทูลตอบว่า มิใช่ นาม-รูปนี้แต่เป็นนามรูปอื่น ซึ่งเกิดขึ้นเพราะ บุญ และ บาปหรือ กุศลกรรม และ อกุศลกรรม ที่นาม-รูปนี้ ได้กระทำไว้
ม. ถ้ามิใช่นาม-รูปนี้ ไปเกิดก็เป็นอันว่า หนีบาปกรรมที่ทำไว้ในชาตินี้พ้นสิ พระคุณเจ้า
น. ถ้าไม่เกิดอีก ก็เป็นอันพ้นไป แต่ถ้ายังต้องมาเกิดอีก ก็หนีไม่พ้น
ม. พระคุณเจ้า จงเปรียบเทียบให้ฟัง
น. เหมือนคนก่อไฟผิงในฤดูหนาว แล้วลืมดับไฟไฟนั้น ก็ลุกลามไปไหม้ไร่นาของผู้อื่น เมื่อคดีถึงโรงถึงศาล จำเลยก็แก้ตัวว่า ไฟที่เขาก่อขึ้นเป็นคนละกองกับไฟที่ลามไปไหม้ไร่นาของโจทก์ขอถวายพระพรเมื่อจำเลยแก้ตัวต่อศาล เช่นนี้ ศาลจะระงับไม่ลงโทษจำเลยหรือไม่
ม. จะงดได้อย่างไรเล่า เพราะไฟที่จำเลยก่อไว้นั้น เป็นต้นเพลิง ตนเองเลินเล่อปล่อยไว้ ไฟจึงลุกลามต่อไปศาล จึงควรตัดสินลงโทษจำเลยได้
น. ฉันใด ก็ฉันนั้นแม้ นาม-รูปนี้ จะเปลี่ยนแปรไป เป็นนาม-รูปอื่น บาปกรรมที่ได้กระทำแล้ว ก็ตามลงโทษนาม-รูปอื่นนั้น เช่นกันทั้งนี้ เพราะนาม-รูปนี้ได้กระทำบุญ และ บาปซึ่งเป็นเหตุให้นาม-รูปอื่น เกิดขึ้นมาแทนนาม-รูปอื่น ที่เกิดขึ้นมาแทนนั้น จึงหนีบาปกรรมไม่พ้น
ม. นาม-รูปนี้ และ นาม-รูปอื่น เชื่อมโยงกันได้อย่างไร พระคุณเจ้าจงหาตัวอย่างมาเปรียบเทียบ
น. เปรียบเหมือนเมล็ดของต้นไม้ เมื่อแรกปลูก ก็ไม่มีดอก ต่อมา มีลำต้น และ มีใบ มีดอก เกิดขึ้นมา และในที่สุด ใบและดอกก็ร่วงหล่นไป แล้วเกิดใบและดอกไหม่ขึ้นมาแทน นาม-รูป ก็เช่นเดียวกับใบและดอกของต้นไม้เดิม ไม่ปรากฏ แต่เพราะบุญและบาป ซึ่งตนกระทำไว้ เป็น เหตุ จึงทำให้ลำต้นแตกใบ ผลิดอกออกมา รุ่นแล้ว รุ่นเล่า ฉันใด ก็ฉันนั้น นาม-รูปนี้ และ นาม-รูปอื่น ก็เชื่อมต่อกันได้ผ่านลำต้น คือ บุญและบาป ฉะนี้
(ปุริมโกฎิปัญหา) ข้อความบางตอนจาก....