สนทนาธรรมที่สระบุรี...[๕] ลูกศรที่มองไม่เห็น
ลูกศร คือ กิเลสของแต่ละคนที่ปักอยู่ที่ใจ กิเลส ก็คือ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นลูกศรที่มองไม่เห็นซึ่งเป็นกิเลสที่สะสมอยู่ภายในของจิต ทุกคนกำลังพล่านไปด้วยลูกศรที่ปักอยู่ตามกำลังของกิเลส เมื่อถูกกิเลสเสียดแทงก็เต็มไปด้วยทุกข์ต่างๆ นาๆ ตราบใดที่ยังไม่ได้ถอนลูกศร ความทุกข์ก็จะตามมาไม่รู้จบ ต้องทนทุกข์อยู่ในสังสารวัฏฏ์ มีทางใดที่จะถอนลูกศรคือกิเลสออกไปได้ ก็มีแค่หนทางเดียวคือ การอบรมเจริญปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงค่อยๆ ดับกิเลสที่อยู่ ภายในจนหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท พ้นจากทุกข์ทั้งปวง
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๖๔
ข้อว่า อตฺถิ เม อชฺฌตฺตํ องฺคณํ (บางคนไม่รู้ตามความจริงว่า กิเลสเพียงดังเนินของเรา ยังมีอยู่ในภายใน) ความว่า ไม่รู้ว่า กิเลสมีอยู่ในตัวเรา คือ ในจิตสันดานของเรา คือ ไม่รู้โดยถ่องแท้ อย่างนี้ว่า ธรรมดากิเลสเหล่านี้ หยาบคาย ร้ายแรงควรละทิ้ง ไม่ควรเอาไว้คล้ายกับลูกศรอาบยาพิษ ก็ปานกัน.
* ในสังสารวัฏฏ์ที่เกิดมา เราได้สะสมกิเลสมามาก (กิเลส เป็นเครื่องเศร้าหมองของจิตใจ เป็นนามธรรม ไม่มีรูปร่าง) เมื่อสะสมกิเลสมามาก กิเลสจึงเกิดมากเป็นธรรมดาและที่สำคัญ ปัญญายังน้อย พร้อมทั้งเจริญช้าอีกด้วย เมื่อปัญญายังน้อย ก็ย่อมไม่มีกำลังที่จะดับกิเลสได้ กิเลสจึงเกิดบ่อยมาก ถูกลูกศรหลายต่อหลายดอกปักในชีวิตประจำวัน เมื่อมีกิเลสมากอย่างนี้ จึงต้องอบรมเจริญปัญญาต่อไป เพราะกิเลสที่มีมากต้องอาศัยปัญญาเท่านั้นจึงจะดับให้หมดสิ้นได้ *
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 78
หากว่าสัตว์นั้นมีความรักใคร่มีความ พอใจเกิดแล้ว กามเหล่านั้นย่อมยังเขาให้ ย่อยยับไป เหมือนบุคคลถูกลูกศรแทงแล้ว ย่อมพินาศ ฉะนั้น.
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์