อินเดีย ... อีกแล้ว 34 บ้านพราหมณ์ปุโรหิตบิดาของท่านพระองคุลิมาล

 
kanchana.c
วันที่  28 ธ.ค. 2552
หมายเลข  14902
อ่าน  3,788

บ้านพราหมณ์ปุโรหิตบิดาของท่านพระองคุลิมาล

จากบ้านท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีมองเห็นบ้านพราหมณ์ปุโรหิตบิดาของท่านพระ องคุลิมาลอยู่ใกล้ๆ กัน ท่านองคุลิมาลเป็นบุตรของพราหมณ์ปุโรหิตของพระเจ้าโกศล กับนางพราหมณีชื่อ มันตานี เมื่อตอนที่ท่านเกิดนั้น อาวุธทั้งหลายในพระนครสาวัตถีก็ โชติช่วงขึ้น เมื่อปุโรหิตไปทูลพระราชาว่าบุตรของตนเกิดในฤกษ์ดาวโจร ขอให้ฆ่าเสีย แต่เมื่อพระราชาทราบว่าไม่ใช่โจรที่ปล้นราชสมบัติ แต่เป็นโจรธรรมดาคนเดียว ก็เลย ไว้ชีวิตเขา บิดาจึงตั้งชื่อว่า “อหิงสกะ” แปลว่า ผู้ไม่เบียดเบียน เมื่อมีอายุสมควรก็ส่ง ไปเรียนที่สำนักตักสิลา

อหิงสกะนั้นเป็นผู้มีปัญญา พูดจาไพเราะ ปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อย่างดีจนเป็นที่ถูกใจ อาจารย์มาก ศิษย์คนอื่นนั้นไม่อยู่ในสายตาเลย ทำให้พวกศิษย์เหล่านั้นอิจฉาและหา ทางกำจัด โดยทำอุบายให้อาจารย์เข้าใจว่าอหิงสกะจะทำร้าย อาจารย์จึงคิดจะฆ่า อหิงสกะ แต่กลัวจะถูกติเตียน จึงพยายามฆ่าทางอ้อม โดยออกอุบายหลอกอหิงสกะว่า จะเรียนศิลปะต้องบูชาครูด้วยการฆ่าคนให้ครบพัน

อหิงสกะก็ทำตาม ครั้งแรกก็ใช้วิธีนับ ธรรมดาท่านเป็นคนมีปัญญา แต่เพราะหมกมุ่นอยู่ กับการฆ่า ทำให้หลงลืมนับจำนวนไม่ถูก จึงตัดนิ้วมาร้อยเป็นมาลัยคล้องคอไว้ จนได้ ชื่อว่า องคุลิมาล ซึ่งแปลว่า มีนิ้วมือเป็นมาลัย ท่านทำการฆ่าคนไปทั่ว ตัดนิ้วมือ คล้องเป็นมาลัยนับได้ ๙๙๙ คน จนชาวบ้านเดือดร้อนพากันมาล้อมพระนครสาวัตถี ร้องเรียนพระราชา นางพราหมณีมันตานีอาสาไปตามลูกกลับมา

ในวันนั้นพระผู้มีพระภาคทรงตรวจดูสัตว์โลกในเวลาใกล้รุ่ง เห็นองคุลิมาล จึงทรง ดำริที่จะไปโปรด ทรงเห็นว่าเมื่อองคุลิมาลฟังธรรมแล้วจะบวช ได้อภิญญา ๖ ถ้าไม่ ทรงไปโปรด จะฆ่ามารดา ซึ่งเป็นอนัตตริยกรรม ไม่สามารถจะบรรลุมรรคผลได้ เมื่อองคุลิมาลเห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จดำเนินอยู่ข้างหน้า พยายามติดตามก็ตามไม่ ทัน ข้อความในขุททกนิกาย เถรคาถา องคุลิมาลคาถา มีข้อความว่า

องคุลิมาลโจรได้กล่าวคาถากราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

“ดูกรสมณะ ท่านสิกำลังเดินอยู่ กลับกล่าวว่า เราหยุดแล้ว ส่วนข้าพเจ้าหยุดแล้ว ท่านกลับกล่าวว่าไม่หยุด

ดูกรสมณะ ข้าพเจ้าขอถามความข้อนี้กะท่าน ท่านกำลังเดินอยู่เพราะเหตุไร ท่านจึง กล่าวว่าหยุดแล้ว ข้าพเจ้าสิหยุดแล้ว ท่านกลับกล่าวว่าไม่หยุด?”

พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า

“ดูกรองคุลิมาล เราวางอาชญาในสัตว์ทั้งปวงแล้ว ส่วนท่านสิยังไม่สำรวมในสัตว์ทั้ง หลาย ฉะนั้น เราจึงชื่อว่าหยุดแล้ว ส่วนท่านชื่อว่า ยังไม่หยุด”

องคุลิมาลโจรกราบทูลว่า

“พระองค์เป็นสมณะที่ชาวโลกกับทั้งเทวโลกบูชาด้วยเครื่องบูชามากมาย ผู้ทรงแสวง หาคุณอันยิ่งใหญ่ เพิ่งจะเสด็จมาถึงป่าใหญ่เพื่อโปรดข้าพระองค์ โดยกาลนานหนอ ข้า พระองค์ได้สดับพระคาถา ซึ่งประกอบด้วยเหตุผลของพระองค์แล้ว จักละเลิกบาปกรรม ตั้งพันเสีย”

พระสังคีติกาจารย์ได้กล่าวคาถาไว้ ๒ คาถา ความว่า

ครั้นองคุลิมาลโจรกราบทูลดังนี้แล้ว ก็โยนดาบและอาวุธทั้งหมดทิ้งลงในหนองน้ำ บ่อน้ำและในเหว ได้ถวายบังคมพระยุคลบาทของพระสุคตเจ้า แล้วทูลขอบรรพชากะ พระพุทธเจ้า ณ ที่นั้นเอง ทันใดนั้นแลพระพุทธเจ้าประกอบไปด้วยพระมหากรุณา ทรง แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นศาสดาของโลกกับทั้งเทวโลก ได้ตรัสว่า จงเป็นภิกษุมา เถิด เท่านี้ความเป็นภิกษุได้มีแก่องคุลิมาลโจรนั้น ในขณะนั้นทีเดียว

เมื่อท่านพระองคุลิมาลได้บรรพชาอุปสมบทแล้ว ได้บรรลุอรหัตแล้วเสวยวิมุตติสุขอยู่ เกิดปีติโสมนัส ได้กล่าวคาถาด้วยสามารถอุทานนี้ ความว่า

“ผู้ใดเคยประมาทในตอนต้น ภายหลังเขาไม่ประมาท ผู้นั้นย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากหมอก ฉะนั้น บาปกรรมที่ทำไว้แล้ว อันผู้ใดย่อมปิดกั้นไว้ ด้วยกุศล ผู้นั้นย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากหมอก ฉะนั้น ภิกษุใดแล แม้จะยังหนุ่ม ประกอบความขวนขวายในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมทำ โลกนี้ให้สว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากหมอก ฉะนั้น ... ”

เคยเรียนเรื่องของท่านพระองคุลีมาลตั้งแต่เป็นเด็ก รู้สึกว่าเคยดูภาพยนตร์ด้วย ตอน นั้นรู้สึกสงสารท่านมาก เกลียดสหายร่วมสำนักของท่านที่ขี้อิจฉากลั่นแกล้งท่าน ไม่ ชอบอาจารย์ที่หูเบา เชื่อโดยไม่ไตร่ตรองเหตุผล แล้วก็แกล้งบอกให้ท่านไปฆ่าคนตั้ง ๑,๐๐๐ คนเพื่อบูชาครู ตอนนี้ก็เข้าวัยชราแล้ว ได้ศึกษาธรรมมากขึ้น รู้ว่าไม่มีใครทำให้ ท่านเลย แต่เป็นการสะสมความเห็นผิดของท่าน ทำให้เชื่อว่าจะเรียนศิลปะนั้นต้อง บูชาครูด้วยการฆ่าคน และการสะสมปัญญาของท่านเช่นกัน ที่ทำให้เมื่อท่านได้ฟังพระ ผู้มีพระภาคตรัสพระคาถาสั้นๆ ท่านมีสติระลึกได้ และเกิดปัญญารู้แจ้งอริยสัจธรรม บรรลุเป็นพระอรหันต์ เสวยวิมุตติสุข เกิดปีติโสมนัส เปล่งอุทานเตือนผู้ที่ประมาทแล้ว ในตอนต้น ภายหลังไม่ประมาท ย่อมทำให้โลกสว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจาก หมอก ฉะนั้น

ข้อความในพระไตรปิฎกยังกล่าวถึงชีวิตหลังการบวชของท่านว่า ท่านไม่สามารถ บิณฑบาตได้ เพราะพอมีคนเห็นท่านก็พากันกลัวแล้วส่งเสียงป่าวประกาศให้พากัน หลบหนีไป แต่ภายหลังมีหญิงท้องแก่ใกล้คลอด เห็นท่านแล้วตกใจกลัว แต่หนีไปไหน ไม่ได้ ท่านเจริญเมตตา แล้วกล่าวสัจจวาจาให้หญิงและบุตรในครรภ์นั้นได้รับความ สวัสดี หญิงนั้นก็คลอดบุตรโดยปลอดภัย ท่านจึงได้รับความไว้วางใจ และสามารถ บิณฑบาตได้ แต่แม้กระนั้นผลของกรรมที่ฆ่าคนจำนวนมากนั้นก็ยังส่งผลให้ได้รับ ทุกขเวทนาจากการถูกปาด้วยก้อนหินบ้าง ไม้บ้าง แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม แต่เมื่อท่าน ปรินิพพานแล้ว ผลของกุศลและอกุศลก็เป็นอโหสิกรรม ไม่สามารถให้ผลได้

ที่บ้านบิดาของท่านนั้นก็ใหญ่โตพอๆ กับบ้านท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เมื่อปี ๓๐ เคย ลอดอุโมงค์ใต้บ้านของท่าน ซึ่งมีคนบอกว่า ลอดแล้วจะหายโรคภัยไข้เจ็บ แต่ตอนนั้น ก็แข็งแรงดี ลอดแล้วก็ยังแข็งแรงเหมือนเดิม ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง ในปี ๕๒ เห็นมี รั้วเหล็กกั้นอุโมงค์นั้นไว้ คงกลัวคนลอดมากๆ ซากบ้านอาจจะถล่มลงมาเป็นอันตรายก็ ได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วิริยะ
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
panasda
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
คุณ
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ups
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
hadezz
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Jans
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chamaikorn
วันที่ 30 ธ.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
คนบ้านนอก
วันที่ 4 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pondhip
วันที่ 8 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ