พระสูตรเรื่องสัมพหุลภิกขุ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  29 ธ.ค. 2552
หมายเลข  14905
อ่าน  3,094

[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ - หน้าที่ 352

๘. เรื่องสัมพหุลภิกขุ [๑๕๕]

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภการสนทนาของภิกษุมากรูปด้วยกัน ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "สุโข พุทฺธานมุปฺปาโท" เป็นต้น.

ความเห็นในปัญหาต่างๆ กัน

ความพิสดารว่า วันหนึ่ง ภิกษุ ๕๐๐ รูปนั่งในศาลาเป็นที่บำรุง สนทนากันว่า "ผู้มีอายุทั้งหลาย อะไรหนอแล เป็นสุขในโลกนี้?"

บรรดาภิกษุเหล่านั้น บางพวกกล่าวว่า "ชื่อว่าสุข เช่นกับด้วยสุขในราชสมบัติ ย่อมไม่มี." บางพวกกล่าวว่า "ชื่อว่าสุข เช่นกับด้วยสุขในกาม ย่อมไม่มี." บางพวกกล่าวว่า "ชื่อว่าสุข เช่นกับด้วยสุขอันเกิดแต่การบริโภคข้าวสาลีและเนื้อ ย่อมไม่มี."

พระศาสดาทรงแก้ปัญหานั้น

พระศาสดา เสด็จมาสู่ที่ๆ ภิกษุเหล่านั้นนั่งแล้ว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยถ้อยคำอะไรหนอ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้น กราบทูลว่า "ด้วยถ้อยคำชื่อนี้," จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอกล่าวอะไร? ก็ความสุขนี้แม้ทั้งหมด นับเนื่องด้วยทุกข์ในวัฏฏะทั้งนั้น. แต่เหตุนี้เท่านั้นคือ ความเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้า การฟังธรรม ความพร้อมเพรียงของหมู่ ความเป็นผู้ปรองดองกัน เป็นสุขในโลกนี้" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-

๘. สุโข พุทฺธานํ อุปฺปาโท สุขา สทฺธมฺมเทสนา สุขา สงฺฆสฺ ส สามคฺคี สมคฺคานํ ตโป สุโข.

"ความเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นเหตุนำสุขมา, การแสดงธรรมของสัตบุรุษ เป็นเหตุนำสุขมา, ความพร้อมเพรียงของหมู่ เป็นเหตุนำสุขมา, ความเพียรของชนผู้พร้อมเพรียงกัน เป็นเหตุนำสุขมา."

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า พุทฺธานมุปฺปาโท ความว่า พระพุทธเจ้าทั้งหลาย เมื่อทรงอุบัติขึ้น ย่อมยังมหาชนให้ข้ามจากความกันดารทั้งหลาย มีความกันดารคือราคะเป็นต้น เหตุใด. เหตุนั้น ความเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จึงชื่อว่าเป็นเหตุนำสุขมา. สัตว์ทั้งหลายผู้มีทุกข์ มีชาติเป็นต้นเป็นธรรม. อาศัยการแสดงธรรมของสัตบุรุษ ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งหลาย มีชาติเป็นต้น เหตุใด. เหตุนั้น การแสดงธรรมของสัตบุรุษจึงชื่อว่าเป็นเหตุนำสุขมา. ความเป็นผู้มีจิตเสมอกัน ชื่อว่าสามัคคี. แม้สามัคคีนั้น ก็ชื่อว่าเป็นเหตุนำสุขมาโดยแท้. อนึ่ง การเรียนพระพุทธพจน์ก็ดี การรักษาธุดงค์ทั้งหลายก็ดี การทำสมณธรรมก็ดี ของเหล่าชนผู้พร้อมเพรียงกัน คือผู้มีจิตเป็นอันเดียวกัน เป็นเหตุนำสุขมา เหตุใด, เหตุนั้น พระศาสดาจึงตรัสว่า "สมคฺคานํ ตโป สุโข." เพราะเหตุนั้นนั่นแหละ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ว่า "ภิกษุทั้งหลาย ก็พวกภิกษุจักพร้อมเพรียงกันประชุม, จักพร้อมเพรียงกันเลิก (ประชุม) , จักพร้อมเพรียงกันทำกิจที่ควรทำของหมู่, ตลอดกาลเพียงใด; ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญฝ่ายเดียว อันภิกษุทั้งหลายพึงหวังได้, ความเสื่อมอันภิกษุทั้งหลายไม่พึงหวังได้ ตลอดกาลเพียงนั้น."

ในกาลจบเทศนา ภิกษุเป็นอันมากตั้งอยู่ในอรหัตตผลแล้ว. เทศนาได้มีประโยชน์แม้แก่มหาชนแล้ว ดังนี้แล.

เรื่องสัมพหุลภิกขุ จบ.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
hadezz
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความโดยสรุป

เรื่องสัมพหุลภิกขุ

(ว่าด้วยภิกษุมากรูป - สัมพหุละ หมายถึง มากรูป หลายรูป)

พระภิกษุมากรูป (๕๐๐ รูป) นั่งสนทนากันว่า อะไร เป็นสุขในโลก คำตอบที่ได้จากการสนทนาในครั้งนี้ คือ ความสุขในราชสมบัติบ้าง ความสุขในกามบ้าง ความสุขอันเกิดจากการบริโภคข้าวสาลีและเนื้อบ้าง สำหรับในเรื่องนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ความสุขที่ภิกษุกล่าวถึงนั้น ยังนับเนื่องด้วยทุกข์ในวัฏฏะ ยังไม่พ้นไปจากวัฏฏะ แต่เหตุต่อไปนี้ เป็นสุขในโลก คือ

ความเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้า (ทรงอุบัติขึ้น ยังหมู่สัตว์ให้พ้นจากกิเลสมีราคะ เป็นต้น)

การฟังธรรม การแสดงธรรม (สัตว์โลก ผู้มีความทุกข์ อาศัยการแสดงธรรมของสัตบุรุษ จึงพ้นจากทุกข์)

ความพร้อมเพรียงกันของหมู่ (การเรียนพระพุทธพจน์ การรักษาธุดงค์ การทำสมณธรรม ของคนผู้มีความพร้อมเพรียงกัน มีจิตเป็นอันเดียวกัน)

ความเพียรของชนผู้พร้อมเพรียงกัน (ความพร้อมเพรียงกันทำกิจที่ควรทำของหมู่)

ทั้งหมดนี้ เป็นเหตุนำสุขมาให้

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Jans
วันที่ 29 ธ.ค. 2552

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 30 ธ.ค. 2552

อะไรหนอแล เป็นสุขในโลกนี้ ...?

พระสูตรนี้เหมาะกับเทศกาลส่งความสุขเลยค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 30 ธ.ค. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พุทธรักษา
วันที่ 30 ธ.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
standardluk
วันที่ 2 ม.ค. 2553

ความสงบย่อมเกิดแก่ผู้รู้พระสัทธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 21 ก.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ด้วยความเคารพ จาก ใหญ่ราชบุรี - ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Nataya
วันที่ 12 พ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สุทธิ​ญ​า​โณ​
วันที่ 15 ม.ค. 2564

กราบ​อนุโมทนา​สาธุ​ครับ​

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ