บุญและบาป - กับการอุทิศ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระเจ้ามิลินท์ ตรัสถามว่า ดูก่อน พระนาคเสนการทำบุญ แล้วอุทิศกุศลให้ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้วญาติมิตร จะได้รับผลแห่งบุญกุศลนั้น หรือไม่
พระนาคเสน ทูลตอบว่า ขอถวายพระพร ไม่ทุกคน ได้รับเฉพาะญาติมิตรที่ไปเกิดเป็นเปรต (หรือ เทวดา) บางจำพวก เท่านั้น
ม. ถ้าญาติมิตร มิได้รับ ผลแห่งบุญนั้นจะมิสูญหรือ
น. ไม่สูญ
ม. ถ้าไม่สูญ ใครจะได้รับ
น. ก็ผู้ที่อุทิศบุญกุศลนั้นเอง ย่อมได้รับ อุปมาดังเจ้าของบ้าน เตรียมอาหารไว้ให้แขก ถ้าแขกไม่บริโภคอาหารนั้น จะพึงเป็นของใคร
ม. ก็เป็นของเจ้าของบ้านสิ พระคุณเจ้า
น. ฉันใด ก็ฉันนั้นแม้ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะได้รับ (รับรู้ และ อนุโมทนา) ผู้ที่กระทำบุญกุศลนั้น ก็ย่อมได้รับผลของบุญนั้นการอุทิศกุศลที่กระทำแล้ว จึงเป็นการการเพิ่มพูนบุญกุศลของผู้ที่อุทิศอีกส่วนหนึ่งด้วยเพราะบุญกุศลที่อุทิศนั้น ไม่มีวันสูญหาย
ม. บุญกุศล อุทิศให้กันได้.ถ้าอย่างนั้น บาป จะอุทิศให้กันได้หรือไม่
น. ไม่ได้ เพราะบาป มีผลบีบคั้นหัวใจ ทำให้จิตใจหดหู่เมื่อเป็นเช่นนี้ บาปก็มีวงอันแคบ มีผลอันจำกัดแบ่งให้ผู้อื่นทั่วไปไม่ได้ ผู้ใดกระทำ ก็ได้รับผลเฉพาะผู้นั้น
ม. พระคุณเจ้าจงยกตัวอย่างมาให้ฟัง
น. หยดน้ำอันน้อย หยดลงที่พื้นดิน ขอถวายพระพรหยดน้ำนั้น จะทำให้พื้นดินซึมซาบได้ทั่ว หรือไม่
ม. ย่อมไม่ได้หยดที่ไหน ก็ซึมซาบเฉพาะที่นั่นเพราะ หยดน้ำนั้น มีน้ำอยู่น้อย.
น. ฉันใด ก็ฉันนั้นบาป มีลักษณะไม่ซึมซาบ เหมือนหยดน้ำอันน้อยจึงอุทิศให้ผู้อื่นไม่ได้
บุญ มีลักษณะเหมือนน้ำฝน คือ มีผลเอิบอาบซาบซึมหล่อเลี้ยงจิตใจให้ชุ่มชื่นอยู่ทุกเวลาจึงสามารถอุทิศบุญให้กันได้
ม. เพราะเหตุใด บาปและบุญ จึงต่างกันเช่นนี้
น. เพราะบาป มีผลเป็นความทุกข์ระทมใจ ไม่ชวนให้กระทำต่อไปอีกทำให้มีผลอันจำกัด ขยายตัวออกไปได้น้อย แต่ บุญ มีผลเป็นความสุข ร่มเย็นผู้กระทำแล้ว ได้รับผลเป็นความเอิบอิ่มใจกล่าวคือ ขณะก่อนกระทำ จิตก็เป็นกุศล ขณะที่กระทำอยู่ จิตก็เป็นกุศลขณะที่ได้กระทำแล้ว จิตก็เป็นกุศลและทุกขณะ ที่ระลึกถึงบุญที่ได้กระทำแล้ว จิตก็เป็นกุศลบุญ จึงมีผลที่ขยายออกได้เสมอ เช่นนี้ ขอถวายพระพรเนื่องด้วยมีเหตุ มีผล เช่นนี้บุญ และ บาป จึงอุทิศได้ หรือไม่ได้ ต่างกันเช่นนี้
ม. พระคุณเจ้าว่านี้...ชอบแล้ว
(เปตอุททิสสผลปัญหา - กุสลากุสลมหันตภาวปัญหา)
ข้อความบางตอนจาก....