การจะเลือกใคร ก็ต่างจิตต่างใจแล้วแต่การสะสม [สิริกาลกรรณิชาดก]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้าที่ 70 สิริกาลกรรณิชาดก
ว่าด้วย สิริ กับ กาลกรรณี
[๘๖๙] ใครมีผิวดำ และเขาก็ไม่น่ารักและไม่น่าทัศนา เราจะรู้จักเจ้าได้อย่างไร? ว่าเจ้าเป็นใคร? เป็นธิดาของใคร?
[๘๗๐] ดิฉันเป็นธิดาของท้าววิรูปักษ์มหาราช เป็นผู้โหดเหี้ยม ดิฉันคือนางกาลีผู้ไร้ปัญญา เทพทั้งหลายรู้จักดิฉันว่า ชื่อกาลกรรณี ท่านผู้ที่ดิฉันขอโอกาสแล้ว ดิฉันจะขอพักอยู่ในสำนักของท่าน.
[๘๗๑] เจ้าปลงใจในชายผู้มีปกติอย่างไร มีความประพฤติเสมออย่างไร? ดูก่อนแม่กาลี เจ้าถูกฉันถามแล้ว จงบอกฉัน ฉันจะพึงรู้จักเจ้าได้อย่างไร?
[๘๗๒] ชายใดลบหลู่คุณท่าน ตีตนเสมอ แข่งดี ริษยาเขา ตระหนี่และโอ้อวด ชายใดได้ทรัพย์ มาแล้วย่อมพินาศไป ชายนั้นเป็นที่รักของดิฉัน.
[๘๗๓] คนมักโกรธ มักผูกโกรธ พูดส่อเสียด ทำลายความสามัคคี มีวาจาเป็นเสี้ยนหนาม หยาบคาย เขาเป็นที่รักใคร่ของดิฉันมากกว่านั้นอีก.
[๘๗๔] ชายผู้นั้น ไม่เข้าใจประโยชน์ของตนว่าควรทำวันนั้นพรุ่งนี้ ถูกตักเตือนอยู่ก็โกรธดูหมิ่นความดีของผู้อื่น.
[๘๗๕] ชายผู้ที่ถูกความคนองรบเร้า พรากจาก มิตรทั้งหมดเป็นที่รักของดิฉัน ดิฉันไม่มี ความทุกข์ร้อนในเขา.
[๘๗๖] นางกาลีเอ๋ย เจ้าจงออกไปจากที่นี้ การทำความรักของเจ้านี้หามีในเราไม่ เจ้าจงไปชนบทอื่น นิคม และราชธานีอื่นเถิด.
[๘๗๗] เรื่องนั้นฉันเองก็รู้ว่า เรื่องนั้นหามีในพวกท่านไม่ คนไม่มีบุญ มีอยู่ในโลก เขารวบรวมทรัพย์ไว้มาก เราทั้ง ๒ คือ ทั้งฉันทั้งเทพผู้เป็นพี่ชายของฉัน พากันผลาญทรัพย์นั้น.
[๘๗๘] ใครหนอมีผิวพรรณเป็นทิพย์ ยืนเรียบร้อยอยู่ที่พื้นดิน ฉันจะรู้จักเจ้าได้อย่างไร ว่าเจ้าเป็นใคร? เป็นธิดาของใคร?
[๘๗๙] ดิฉันเป็นธิดาของท้าวธตรฐมหาราชผู้มีสิริ ดิฉันชื่อสิริลักษมิ์ เทพทั้งหลายรู้จักดิฉันว่าเป็นผู้มีปัญญากว้างขวาง ท่านเป็นผู้ที่ดิฉันขอโอกาสแล้ว ขอจงให้ดิฉันพักอยู่ในสำนัก ของท่าน.
[๘๘๐] เจ้าปลงใจในชายที่มีปกติอย่างไร มีความประพฤติเสมออย่างไร? เจ้าเป็นผู้ที่เราถามแล้ว จงบอกเรา โดยที่เราควรรู้จักเจ้า.
[๘๘๑] ชายใดครอบงำความหนาว หรือความร้อน ลมแดด เหลือบ และสัตว์เลื้อยคลานทั้งความหิวและความกระหายได้,ชายใดประกอบการงานทุกอย่างเนืองๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน ไม่ยังประโยชน์ที่มาถึงตามกาล ให้เสื่อมไปด้วย ชายนั้นเป็นที่ชอบใจของดิฉัน และดิฉันก็ปลงใจเขาจริงๆ .
[๘๘๒] ชายใด ไม่โกรธ มีมิตร มีการเสียสละ รักษาศีล ไม่โอ้อวด เป็นคนซื่อตรง เป็นผู้สงเคราะห์ผู้อื่น มีวาจาอ่อนหวาน มีคำพูดไพเราะ แม้จะเป็นใหญ่ ก็มีความประพฤติถ่อมตน. ดิฉันพอใจในบุรุษนั้นเป็นอย่างมาก ดุจคลื่นทะเลปรากฏแก่คนที่มองดูสีน้ำทะเลเหมือนมีมาก ฉะนั้น.
[๘๘๓] อีกอย่างหนึ่ง ผู้ใดให้สังคหธรรมเป็นไปอยู่ ในบุคคลทั้งที่เป็นมิตร ทั้งที่เป็นศัตรู ทั้งเป็นผู้ประเสริฐที่สุด ทั้งที่ต่ำทรามประพฤติประโยชน์หรือสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ทั้งในที่ลับทั้งในที่แจ้ง ไม่กล่าวคำหยาบในกาลไหนๆ ผู้ตายแล้วและยังมีชีวิตอยู่ดิฉันก็คบ.
[๘๘๔] ผู้ใดได้อย่างใดอย่างหนึ่ง บรรดาความดีเหล่านี้แล้วเป็นผู้มีปัญญาน้อย มัวเมาสิริอันเป็นที่น่าใคร่ ดิฉันต้องเว้นผู้นั้น ผู้มีรูปลักษณะร้อน ประพฤติไม่สม่ำเสมอเหมือนคนเว้นหลุมคูถ ฉะนั้น.
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์