แม้นามรูปก็เท็จ...นิพพานเท่านั้นที่จริง
นามรูปปรากฏเกิดขึ้นและดับไป...
เกิดขึ้นและดับไป ไม่กลับมาอีกเลย ... นี้เท็จหรือเปล่า
เห็นขณะนี้มีอยู่ แต่ความจริงดับไปแล้ว ... นี้เท็จหรือเปล่า
พระอริยเจ้าทั้งหลายเห็นด้วยปัญญาตามความเป็นจริงว่า นามรูปนั่นเป็นของเท็จ
นิพพานเท่านั้นที่จริง เพราะนิพพานนั้นเที่ยง ไม่เกิดไม่ดับ
เชิญคลิกอ่านได้ที่...
นามรูปเป็นของเท็จ นิพพานเป็นของจริง
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด
ปุถุชนยึดถือนามรูปด้วยความเห็นผิดว่านามรูปนั้นเป็นอัตตา หลงว่าอัตตา เรา เขา สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีจริงๆ ส่วนนิพพานเป็นสภาพที่โลภะเข้าไปติดข้องไม่ได้ ปุถุชนก็เข้าใจผิดว่านิพพานไม่มีจริงเพราะไม่รู้ แต่พระอริยเจ้าท่านประจักษ์แจ้งแทงตลอดในนามรูปตามเป็นจริง ถึงพระนิพพานด้วยโลกุตตรปัญญา เห็นชัดโดยตลอดว่าที่เคยยึดถือนามรูปว่าเป็นอัตตาจริงๆ นั้น ล้วนแต่เป็นเท็จทั้งสิ้น เพราะความจริงนามรูปทั้งหลายเกิดดับแปรปรวน สูญสิ้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา เป็นสภาพที่ตรงข้ามกับนิพพานเหมือนกันอย่างเดียวคือความเป็นอนัตตา แต่เป็นอนัตตาที่ยากที่สุดที่จะเข้าถึงได้
...ขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ...
เท็จในที่่นี้หมายความว่า ไม่เที่ยง และเป็นทุกใช่หรือไม่ ส่วนนิพพานจริงหมายความว่า เที่ยงและไม่เป็นทุกข์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เป็นเท็จนั้นก็ยังปรากฏได้
เรียน ความเห็นที่ 6
อย่างนั้นครับ เมื่อเทียบระหว่างบัญญัติกับสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นจิต เจตสิก รูป บัญญัติก็ไม่จริงเพระไม่มีลักษณะ แต่หากเทียบกันระหว่างพระนิพพานกับ จิต เจตสิก รูป ความแตกต่างคือนิพพานเที่ยงเพราะไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ส่วนจิต เจตสิก รูป ไม่เที่ยง เพราะมีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง เพราะฉะนั้น แม้จะปรากฏแต่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์จึงไม่จริงเมื่อเทียบกับนิพพาน ครับ
นามรูปมีอยู่จริง ขณะที่กำลังปรากฏ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย พระอริยเจ้าทั้งหลายจึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริงว่า นามรูปนั่นเป็นของเท็จ
....ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ....
ต้องละเอียดรอบคอบ ตรงไปตรงมาจริงๆ นะครับ ผมนึกถึงสมัยผมเริ่มศึกษา ก็หนักใจแทนผู้เริ่ม แต่มาคิดอีกที ทุกคนก็มีการเริ่มเหมือนกันทุกคน เดินทางหมื่นลี้ต้องมีก้าวแรก
ขอขอบพระคุณขออนุโมทนา
ผู้ที่พบความจริงแล้ว ย่อมจะรู้ได้ว่า สิ่งใดเป็นเท็จ
ขออนุโมทนาครับ