ความเจริญทางพระพุทธศาสนาของศรีลังกา ตอนจบ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระเขี้ยวแก้ว
ภาพพระเขี้ยวแก้ว ที่วัดมัลลิกา (วัดพระเขี้ยวแก้ว) เมืองแคนดี้ ศรีลังกา
เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทรงปรินิพพานเมื่อวันเพ็ญ เดือน ๖ วิสาขบูชา ก็ได้มีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ โดยโทณพราหมณ์ ซึ่งในส่วนของพระทันตธาตุที่เป็นพระเขี้ยวแก้ว อันเป็นที่ตั้งของการแสดงธรรมของพระพุทธองค์ มีอยู่ ๔ องค์
องค์ที่หนึ่ง อยู่ที่เมืองนาค
องค์ที่สอง อยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
องค์ที่สาม อยูที่คันธรัฐ
องค์ที่สี่ อยู่ที่ศรีลังกา
สำหรับประวัติของพระเขี้ยวแก้วที่ประเทศศรีลังกานั้น ตามประวัติที่ได้กล่าวกันมาคือ พระเถระรูปหนึ่งได้นำพระเขี้ยวแก้วไปมอบให้กับพระเจ้าพรหมทัตต์ แห่งนคร ทันตปุระ ต่อมาสมัยพระเจ้าคุหะสีวะ ได้มีข้าศึกมาประชิดเมือง พระองค์ทรงเป็นห่วงพระเขี้ยวแก้ว จึงมีพระบรมราชโองการให้ เจ้าหญิงเหมมาลา ราชธิดากับเจ้าชายทันตกุมาร ซึ่งเป็นพระนัดดาและพระสวามีของเจ้าหญิงเหมมาลา ให้นำพระเขี้ยวแก้วไปสู่เกาะลังกา ทั้งสองพระองค์ต้องปลอมตัวเป็นพราหมณ์ ซ่อนพระเขี้ยวแก้วไว้ที่มวยผมของเจ้าหญิงเหมมาลา และต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายและเมื่อไปถึงก็ได้นำถวายแด่พระเจ้าเกียรติเมฆวรรณ ที่นครอนุราธปุระ เกาะลังกา
ภาพเจ้าชายทันตกุมารกับเจ้าหญิงเหมมาลา นำพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ในมวยผม เดินทางสู่เกาะลังกา
พระเขี้ยวแก้วก็ประดิษฐานอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ตั้งแต่บัดนั้นและเมื่อย้ายเมืองหลวง ก็จะอันเชิญพระเขี้ยวแก้วไปประดิษฐานด้วย ซึ่งประมาณปีพ.ศ. 2228 - 2250 พระเจ้าวิมลธรรมสุริยะที่ 2 ได้อันเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานไว้ ณ วัดมัลลิกาหรือเรียกกันว่า วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ จนถึงปัจจุบัน
วัดมัลลิกาหรือวัดพระเขี้ยวแก้วอันเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว
ภายในวัดอันเป็นทางไปสู่ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว
ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว
ในทุกๆ 4 - 5 ปี ทางศรีลังกาก็จะมีการเปิดพระเขี้ยวแก้ว ให้บูชาและจัดพิธีสมโภชอย่างยิ่งใหญ่
พิธีการเปิดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งบรรจุอยู่ในเจดีย์ทองคำ
พระเขี้ยวแก้ว
การบูชาพระพุทธเจ้าอันประเสริฐสูงสุดก็คือการศึกษาธรรมและน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมด้วยการไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ เพราะฉะนั้นแม้ว่าพระพุทธองค์จะปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ที่ไม่เข้าใจพระธรรม แม้จะเห็นพระพุทธองค์ เห็นพระเขี้ยวแก้วก็ไม่สามารถเห็นพระพุทธองค์ได้ เพราะพระพุทธองค์ตรัสรู้ความจริงในขณะนี้ว่า เป็นธรรม ด้วยปัญญา ปัญญานั้นเองจะเป็นการเห็นพระองค์ เห็นเหมือนกับพระองค์เห็น คือ สัจจะความจริง การได้อ่านเรื่องศรีลังกา การได้มาศรีลังกาจะเกิดประโยชน์คือ เจริญด้วยศรัทธา ด้วยความเข้าใจอันเกิดจากการศึกษาธรรม อันเป็นไปเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติ ตามพระธรรรม เวลาของทุกท่านเหลือน้อยแล้ว
ภาพสุดท้าย พระเขี้ยวแก้วมีขนาดใหญ่มากไหมค่ะ
ขอบขอบพระคุณและอนุโมทนา
๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ที่ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา พระสุรเสียงที่ประกอบด้วยสาระแห่งพระธรรมอันบริสุทธิ์ยิ่งนั้น ต้องกระทบกับพระเขี้ยวแก้วอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พระสาวกมักกล่าวสรรเสริญพระสรีรคุณว่า ทรงมีพระรัศมีอันสุกใสเปล่งสว่างจากพระเขี้ยวแก้วทั้ง ๔ การได้แม้เพียงทัสสนาหรือการได้ระลึกถึงด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระพุทธคุณสุดประมาณนี้เพราะรูปธาตุนี้เป็นที่ตั้งแห่งพระสัทธรรม จะนำพาให้ขันธสันดานพบกับความเจริญในทุกๆ ด้าน พบกับความเป็นอริยะทางความคิดและความบริสุทธิ์จากกิเลสในที่สุด
กล่าวได้ซาบซึ้งมากค่ะ
ขออนุโมทนา ที่กรุณาถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของพระพุทธศาสนาในศรีลังกา ให้พวกเราได้ศึกษาร่วมกันค่ะ
ส่วนตัวเมื่อนานมาแล้ว ... ได้มีโอกาสไปกราบนมัสการพระเขี้ยวแก้ว และได้เห็นพระองค์จริง รู้สึกปลื้มปิติมากค่ะ ยังจำได้ติดตาจนถึงทุกวันนี้ เป็นพระทนต์ซี่ใหญ่ที่สมบูรณ์มาก ที่ฐานหุ้มด้วยทองคำที่แกะสลักอย่างงดงาม ซึ่งโอกาสเช่นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงนับว่าโชคดีค่ะ แต่การเห็นใดๆ ก็ไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับการเห็น "สัจจธรรม" ใช่มั้ยค่ะ
กลับไปดูรูปอีกครั้ง ดูยังไงก็ไม่เหมือนพระเขี้ยวแก้วที่เคยเห็นที่เมืองแคนดี้เลยค่ะ องค์ที่เห็นไม่ได้เป็นแท่งยาวขนาดนี้ แต่มีลักษณะเหมือนฟันกรามซี่ใหญ่ ที่จัดวางไว้ในแนวตั้ง และที่ฐานหุ้มด้วยทองคำที่แกะสลักอย่างงดงามค่ะ