ความเจริญทางพระพุทธศาสนาของศรีลังกา ตอนจบ

 
sutta
วันที่  13 ม.ค. 2553
หมายเลข  15109
อ่าน  12,784

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

พระเขี้ยวแก้ว


ภาพพระเขี้ยวแก้ว ที่วัดมัลลิกา (วัดพระเขี้ยวแก้ว) เมืองแคนดี้ ศรีลังกา

เมื่อพระพุทธเจ้าได้ทรงปรินิพพานเมื่อวันเพ็ญ เดือน ๖ วิสาขบูชา ก็ได้มีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ โดยโทณพราหมณ์ ซึ่งในส่วนของพระทันตธาตุที่เป็นพระเขี้ยวแก้ว อันเป็นที่ตั้งของการแสดงธรรมของพระพุทธองค์ มีอยู่ ๔ องค์

องค์ที่หนึ่ง อยู่ที่เมืองนาค

องค์ที่สอง อยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์

องค์ที่สาม อยูที่คันธรัฐ

องค์ที่สี่ อยู่ที่ศรีลังกา

สำหรับประวัติของพระเขี้ยวแก้วที่ประเทศศรีลังกานั้น ตามประวัติที่ได้กล่าวกันมาคือ พระเถระรูปหนึ่งได้นำพระเขี้ยวแก้วไปมอบให้กับพระเจ้าพรหมทัตต์ แห่งนคร ทันตปุระ ต่อมาสมัยพระเจ้าคุหะสีวะ ได้มีข้าศึกมาประชิดเมือง พระองค์ทรงเป็นห่วงพระเขี้ยวแก้ว จึงมีพระบรมราชโองการให้ เจ้าหญิงเหมมาลา ราชธิดากับเจ้าชายทันตกุมาร ซึ่งเป็นพระนัดดาและพระสวามีของเจ้าหญิงเหมมาลา ให้นำพระเขี้ยวแก้วไปสู่เกาะลังกา ทั้งสองพระองค์ต้องปลอมตัวเป็นพราหมณ์ ซ่อนพระเขี้ยวแก้วไว้ที่มวยผมของเจ้าหญิงเหมมาลา และต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายและเมื่อไปถึงก็ได้นำถวายแด่พระเจ้าเกียรติเมฆวรรณ ที่นครอนุราธปุระ เกาะลังกา


ภาพเจ้าชายทันตกุมารกับเจ้าหญิงเหมมาลา นำพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ในมวยผม เดินทางสู่เกาะลังกา

พระเขี้ยวแก้วก็ประดิษฐานอยู่ที่ประเทศศรีลังกา ตั้งแต่บัดนั้นและเมื่อย้ายเมืองหลวง ก็จะอันเชิญพระเขี้ยวแก้วไปประดิษฐานด้วย ซึ่งประมาณปีพ.ศ. 2228 - 2250 พระเจ้าวิมลธรรมสุริยะที่ 2 ได้อันเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานไว้ ณ วัดมัลลิกาหรือเรียกกันว่า วัดพระเขี้ยวแก้ว เมืองแคนดี้ จนถึงปัจจุบัน


วัดมัลลิกาหรือวัดพระเขี้ยวแก้วอันเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว


ภายในวัดอันเป็นทางไปสู่ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว

ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว

ในทุกๆ 4 - 5 ปี ทางศรีลังกาก็จะมีการเปิดพระเขี้ยวแก้ว ให้บูชาและจัดพิธีสมโภชอย่างยิ่งใหญ่

พิธีการเปิดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งบรรจุอยู่ในเจดีย์ทองคำ

พระเขี้ยวแก้ว

การบูชาพระพุทธเจ้าอันประเสริฐสูงสุดก็คือการศึกษาธรรมและน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมด้วยการไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ เพราะฉะนั้นแม้ว่าพระพุทธองค์จะปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ผู้ที่ไม่เข้าใจพระธรรม แม้จะเห็นพระพุทธองค์ เห็นพระเขี้ยวแก้วก็ไม่สามารถเห็นพระพุทธองค์ได้ เพราะพระพุทธองค์ตรัสรู้ความจริงในขณะนี้ว่า เป็นธรรม ด้วยปัญญา ปัญญานั้นเองจะเป็นการเห็นพระองค์ เห็นเหมือนกับพระองค์เห็น คือ สัจจะความจริง การได้อ่านเรื่องศรีลังกา การได้มาศรีลังกาจะเกิดประโยชน์คือ เจริญด้วยศรัทธา ด้วยความเข้าใจอันเกิดจากการศึกษาธรรม อันเป็นไปเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติ ตามพระธรรรม เวลาของทุกท่านเหลือน้อยแล้ว


  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ups
วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
พุทธรักษา
วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
WS202398
วันที่ 14 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
h_peijen
วันที่ 14 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
สุภาพร
วันที่ 15 ม.ค. 2553

ภาพสุดท้าย พระเขี้ยวแก้วมีขนาดใหญ่มากไหมค่ะ

ขอบขอบพระคุณและอนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ajarnkruo
วันที่ 15 ม.ค. 2553

สาธุ สาธุ สาธุ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
booms
วันที่ 16 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
สัมภเวสี
วันที่ 17 ม.ค. 2553

๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ที่ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา พระสุรเสียงที่ประกอบด้วยสาระแห่งพระธรรมอันบริสุทธิ์ยิ่งนั้น ต้องกระทบกับพระเขี้ยวแก้วอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พระสาวกมักกล่าวสรรเสริญพระสรีรคุณว่า ทรงมีพระรัศมีอันสุกใสเปล่งสว่างจากพระเขี้ยวแก้วทั้ง ๔ การได้แม้เพียงทัสสนาหรือการได้ระลึกถึงด้วยจิตที่เลื่อมใสในพระพุทธคุณสุดประมาณนี้เพราะรูปธาตุนี้เป็นที่ตั้งแห่งพระสัทธรรม จะนำพาให้ขันธสันดานพบกับความเจริญในทุกๆ ด้าน พบกับความเป็นอริยะทางความคิดและความบริสุทธิ์จากกิเลสในที่สุด

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 22 ม.ค. 2553

กล่าวได้ซาบซึ้งมากค่ะ

ขออนุโมทนา ที่กรุณาถ่ายทอดประวัติความเป็นมาของพระพุทธศาสนาในศรีลังกา ให้พวกเราได้ศึกษาร่วมกันค่ะ

ส่วนตัวเมื่อนานมาแล้ว ... ได้มีโอกาสไปกราบนมัสการพระเขี้ยวแก้ว และได้เห็นพระองค์จริง รู้สึกปลื้มปิติมากค่ะ ยังจำได้ติดตาจนถึงทุกวันนี้ เป็นพระทนต์ซี่ใหญ่ที่สมบูรณ์มาก ที่ฐานหุ้มด้วยทองคำที่แกะสลักอย่างงดงาม ซึ่งโอกาสเช่นนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงนับว่าโชคดีค่ะ แต่การเห็นใดๆ ก็ไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับการเห็น "สัจจธรรม" ใช่มั้ยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 23 ม.ค. 2553

กลับไปดูรูปอีกครั้ง ดูยังไงก็ไม่เหมือนพระเขี้ยวแก้วที่เคยเห็นที่เมืองแคนดี้เลยค่ะ องค์ที่เห็นไม่ได้เป็นแท่งยาวขนาดนี้ แต่มีลักษณะเหมือนฟันกรามซี่ใหญ่ ที่จัดวางไว้ในแนวตั้ง และที่ฐานหุ้มด้วยทองคำที่แกะสลักอย่างงดงามค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
orawan.c
วันที่ 26 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
saifon.p
วันที่ 7 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 23  
 
aditap
วันที่ 8 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 24  
 
เมตตา
วันที่ 15 เม.ย. 2553

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ ...

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะและกุศลศรัทธาด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 25  
 
watbpaadongyai
วันที่ 24 ธ.ค. 2554

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 27  
 
Nutt
วันที่ 11 พ.ค. 2556

เห็นแล้วอยากไปกราบมากสาธุสาธุสาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 28  
 
รู้จบลงที่รู้
วันที่ 3 มิ.ย. 2556

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 29  
 
nopwong
วันที่ 16 ก.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 30  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ธ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ