มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

 
เมตตา
วันที่  23 ม.ค. 2553
หมายเลข  15248
อ่าน  2,490

มีชีวิตอยู่ไปวันๆ โดยที่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ...

จิตเห็นเกิดขึ้นแล้วดับไป... จิตได้ยินเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป... แต่ละขณะเกิดขึ้นและดับไป ไม่เหลืออะไรเลย ไม่กลับมาอีก ในแต่ละวันเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส และก็คิดนึก ไม่เคยรู้ความจริง จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันในแต่ละภพชาติ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดโดยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพียงปรากฏให้ได้เห็น เพียงปรากฏให้ได้ยิน...แล้วดับไปหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วตามเหต ปัจจัย อยู่มาแล้วนานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ก็ไม่รู้ความจริง จึงต้องเกิดขึ้นมาเห็นอีก ได้ยินอีก..ไม่มีวันสิ้นสุด ชีวิตที่ประเสริฐคือ มีชีวิตอยู่เพื่อความรู้สิ่งที่มีจริงที่กำลัง ปรากฏ ความเห็นถูกเข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง

ขออนุโมทนาค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 24 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วิริยะ
วันที่ 24 ม.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
รากไม้
วันที่ 24 ม.ค. 2553

เมื่อถึงวันนั้นแล้ว ....วันที่พบกับ อริยสัจจธรรม หรือ พบกับความจริงที่กำลังปรากฏ หรือ พบกับความเห็นถูกในสภาพความเป็นจริง ...สิ่งหนึ่งสิ่งใดเหล่านี้ ก็ตาม

จะพบกับความสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด ที่หาสิ่งหนึ่งสิ่งใดทดแทนไม่ได้เลย ....แล้วหนทางที่ยาวไกลที่เราอดทนเดินผ่านมาแสนไกลจนนับเวลาไม่ถ้วนนั้น ก็ยากที่เราจะเดินกลับไปสู่จุดเดิมได้อีกแล้ว

และพร้อมก้าวไปสู่ พระนิพพาน ในภายภาคเบื้องหน้าต่อไป

ขออนุโมทนา ดวงจิตผู้ใกล้พระธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 24 ม.ค. 2553

อยู่กับคูถ.....แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นคูถ

พระธรรมจึงเปรียบเสมือนแสงประทีป

ที่ส่องให้เห็นเป้าหมายที่แท้จริงของ....การมีชีวิตอยู่

เพื่อ......รู้ความจริงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
LouisZza
วันที่ 24 ม.ค. 2553

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 24 ม.ค. 2553

การมีชีวิตที่ประเสริฐ คือ มีชีวิตอยู่เพื่อความรู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ

เชิญคลิกอ่านได้ที่...

สิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือปัญญา

วิปัสสนาญาณ 16 ในหนังสือปรมัตถธรรมสังเขป

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
narong.p
วันที่ 24 ม.ค. 2553

จึงควรอยู่ไปวันๆ ด้วยการรู้ความจริง ด้วยการศึกษาธรรมะที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสรู้และทรงมีพระมหากรุณาคุณแสดงธรรม ๔๕ พรรษาเพื่ออนุเคราะห์บุคคลในสมัยนี้ซึ่งปัญญาน้อยให้เข้าใจได้ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 25 ม.ค. 2553

เมื่อก่อนที่จะได้ศึกษาธรรม

ก็เคยคิดอยู่บ่อยครั้งว่า (เรา) มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

แต่ขณะนี้ มีคำตอบแล้วครับ

ชีวิตที่ยังมีอยู่ ในทุกๆ ขณะต่อๆ ไปนี้

ควรเป็นไปเพื่อการบำเพ็ญกุศลทุกประการที่จะสามารถทำได้

และ อบรมเจริญปัญญา ด้วยการฟังและพิจารณาธรรมที่ได้ยินได้ฟังนั้น

บ่อยๆ เนืองๆ ครับ

ในกาลบางครั้งบางคราว

การที่พระตถาคตเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นในโลก ๑

การได้กำเนิดเป็นมนุษย์ ๑

การแสดงสัทธรรม ๑

ที่จะพร้อมกันเข้าได้ หาได้ยากในโลก

ชนผู้ใคร่ประโยชน์ จึงควรพยายามในกาลดังกล่าวมานั้น ที่ตนพอจะรู้จะเข้าใจสัทธรรมได้

[เล่มที่ 37] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย อัฏฐกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ ๔๕๔

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 25 ม.ค. 2553
มีชีวิตอยู่เพื่อสะสมความดีและสะสมปัญญา จนกว่าจะสิ้นอาสวะกิเลสค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
คุณ
วันที่ 27 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
สามารถ
วันที่ 27 ม.ค. 2553

มีชีวิต

เพื่อเข้าใจชีวิต (สติปัฏฐาน)

จะเป็นผู้ไม่เสียชาติเกิด

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ตะวัน
วันที่ 28 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

ผมคิดเหมือนคุณเมตตา แต่อธิบายออกมาไม่ถูกครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ