จนอะไรก็ได้...แต่อย่าจนศรัทธา
มีเงินมีทอง มีชื่อเสียง มีทรัพย์สมบัติมากมาย แต่ไม่มีศรัทธาในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ก็ได้ชื่อว่ายากจน จนศรัทธาและจนกุศลธรรมทั้งปวง ในทางกลับกันผู้ที่ยากจนเงินทอง ไม่มีสมบัติ ไม่มีบ้านใหญ่โต ไม่มีชื่อเสียงแต่มีศรัทธาในพระธรรม มีจิตน้อมไปในทางกุศล ผู้นั้นได้ชื่อว่ามีทรัพย์อันประเสริฐ ไม่ยากจน
เพราะฉะนั้น จนอะไรก็จนได้ แต่อย่าได้จนศรัทธา เพราะความศรัทธานำมาซึ่งกุศลธรรมทั้งหลาย ศรัทธาเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจ ศรัทธาเป็นลาภอันประเสร็ฐนำมาซึ่งกุศลธรรม ขั้นทาน ขั้นศีล ขั้นภาวนา การอบรมเจริญปัญญานั้นมีการฟังพระธรรมให้เข้าใจ เริ่มมีศรัทธาประกอบด้วยปัญญา จนกว่าจะมีศรัทธาที่มั่นคงขึ้น อบรมเจริญปัญญาเผากิเลส จนถึงความเป็นพระอริยบุคคลเป็นลำดับขั้น ส่วนผู้ที่ไม่มีศรัทธาย่อมตายเพราะอกุศลกรรม อกุศลกรรมนำมาซึ่งผลอันเป็นทุกข์ สร้างอบายภพให้เกิดขึ้นในสัมปรายภพ
ขออนุโมทนาค่ะ...
ผู้ที่ไม่ศึกษาธรรม ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า การยากจนคุณธรรม มีศรัทธา เป็นต้น นั้นสำคัญอย่างยิ่งกว่าการยากจนทรัพย์ ลาภ ยศ สรรเสริญ เพราะ ลาภ ยศ สรรเสริญ นั้นคือเครื่องประดับ ของคนบ้า ครับ ทรัพย์สินเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ นำไปไม่ได้ มีแต่อริยทรัพย์เท่านั้น ที่จะนำไปสู่ชาติต่อๆ ไปได้
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
"จนปัญญา" ก็สืบเนื่องมาจาก จนศรัทธาน่ะน้องสาว...จนอะไรก็ได้ แต่อย่าจนคุณธรรม...ท่านอาจารย์กล่าวไว้น่าฟังมากค่ะ
อย่างน้องไตรสรณคมน์ ไม่จนปัญญาเลยน่ะ มีแต่ปัญญาเจริญขึ้น เพราะ พี่ได้ขออนุโมทนาในกุศลประกอบด้วยปัญญาที่หนูได้กระทำไว้เสมอๆ ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ในขณะที่เป็นกุศลขณะนั้นมี...........ศรัทธา เพราะศรัทธาเป็นโสภณสาธารณะเจตสิก อกุศลจิตไม่มีศรัทธาเจตสิก......ในพระไตรปิฎกกล่าวว่า...ผู้มีศรัทธาเท่านั้น จะทำบุญมีทานเป็นต้นได้ แล้วจะประสบทรัพย์ ที่เป็นอุปกรณ์เครื่องปลื้มใจอันมโหฬาร และจะยังประโยชน์ตนประโยชน์ผู้อื่นนั่นแหละให้ถึงพร้อมด้วยบุญนั้น แต่บุญเหล่านั้น จะไม่อำนวยประโยชน์ทั้งในโลกนี้และโลกหน้าแก่ผู้ไม่มีศรัทธาเลย.
เชิญคลิกอ่าน....
ขออนุโมทนาค่ะ
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 9
อนุโมทนาครับ
งดงาม หมดจดครับ
สะสมสิ่งที่มีความเกิดและดับไปไม่มีสาระ มีเงินทอง เป็นต้น ไม่ประเสริฐ บุคคลผู้สะสมอริยทรัพย์ มี ศรัทธา เป็นต้น เป็นผู้ประเสริฐ ย่อมไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการและอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส จนคุณธรรมจึงเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลก