เวปุลลปัพพตสูตร .. ความเป็นไปของภูเขาเวปุลละ
Oo๐ ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ๐oO
... สนทนาธรรมที่ ...
<> มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา <>
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๖ ก.พ. ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
เวปุลลปัพพตสูตร
ว่าด้วยความเป็นไปของภูเขาเวปุลละ
จาก ... พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ ๕๓๓
... นำสนทนาโดย ...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ - หน้าที่ ๕๓๓
๑๐. เวปุลลปัพพตสูตร
ว่าด้วยความเป็นไปของภูเขาเวปุลละ
[๔๕๖] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฏกรุงราชคฤห์. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญดังนี้. [๔๕๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสดังนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้นมีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว เวปุลลบรรพตนี้ได้ชื่อว่าปาจีนวังสะสมัยนั้นแล หมู่มนุษย์ได้ชื่อว่า ติวรา หมู่มนุษย์ชื่อติวรา มีอายุประมาณ ๔หมื่นปี หมู่มนุษย์ชื่อติวรา ขึ้นปาจีนวังสบรรพตเป็นเวลา ๔ วัน ลงก็เป็นเวลา ๔ วัน. สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากกุสันธะมีพระสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่าวิธูระ และสัญชีวะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแล อันตร-ธานไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้ว สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงอย่างนี้ ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้. [๔๕๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ภูเขาเวปุลละนี้มีชื่อว่าวงกต. สมัยนั้นแล หมู่มนุษย์มีชื่อว่าโรหิตัสสะ มีอายุประมาณ ๓ หมื่นปี มนุษย์ชื่อว่าโรหิตัสสะ ขึ้นวงกตบรรพตเป็นเวลา ๓ วัน ลงก็เป็นเวลา ๓ วัน สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหัตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโกนาคมนะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสันพุทธเจ้าพระนามว่าโกนาคม-นะ มีพระสาวกคู่หนึ่งเป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อว่าภิยโยสะและอุตตระ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแลอันตรธานไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้วสังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ฯ ล ฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้. [๔๕๙] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว เวปุลลบรรพตนี้มีชื่อว่าสุปัสสะ. สมัยนั้นแล หมู่มนุษย์ชื่อสุปนียา มีอายุประมาณ ๒ หมื่นปี หมู่มนุษย์ที่ชื่อว่าสุปปิยา ขึ้นสุปัสสะบรรพตเป็นเวลา ๒ วัน ลงก็เป็นเวลา ๒ วันสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะ ได้มีพระสาวกคู่หนึ่ง เป็นคู่เลิศเป็นคู่เจริญ ชื่อว่ติสสะและภารทวาชะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูเถิด ชื่อแห่งภูเขานี้นั้นแลอันตรธานไปแล้ว มนุษย์เหล่านั้นกระทำกาละไปแล้ว และพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นก็ปรินิพพานแล้วสังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ ฯ ล ฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้. [๔๖๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็บัดนี้แล ภูเขาเวปุลละนี้มีชื่อว่าเวปุลละทีเดียว ก็บัดนี้หมู่มนุษย์เหล่านี้มีชื่อว่ามาคธะ หมู่มนุษย์ที่ชื่อมาคธะ มีอายุน้อยนิดหน่อย ผู้ใดมีชีวิตอยู่นาน ผู้นั้นมีอายุเพียงร้อยปี น้อยกว่าก็มี เกินกว่าก็มี หมู่มนุษย์ชื่อมาคธะ ขึ้นเวปุลลบรรพตเพียงครู่เดียวและบัดนี้ พระอรหันต-สัมมาสัมพุพธเจ้าพระองค์นี้ เสด็จอุบัติขึ้นแล้วในโลก ก็เราแลมีสาวกคู่หนึ่งเป็นคู่เลิศ เป็นคู่เจริญ ชื่อสารีบุตรและโมคคัลลานะ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลายสมัยนั้นก็จักมี สละชื่อแห่งบรรพตนี้ จักอันตรธาน หมู่มนุษย์เหล่านี้จักทำกาละและเราก็จักปรินิพพาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงอย่างนี้ไม่ยั่งยืนอย่างนี้ ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้พอทีเดียวเพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้นดังนี้. [๔๖๐] พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงตรัสพระคาถาประพันธ์ต่อไปว่า ปาจีนวังสบรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อติวระ วงกฏ บรรพตของหมู่มนุษย์ชื่อโรหิตัสสะ สุปัสสบรรพต ของหมู่มนุษย์ชื่อสุปปิยา และเวปุลลบรรพตของหมู่ มนุษย์ชื่อมาคธะ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มี อันเกิดขึ้นแลเสื่อมไปเป็นธรรมดา ครั้นเกิดขึ้นแล้ว ย่อมดับไป ความที่สังขารเหล่านั้นสงบระงับไป เป็นสุข ดังนี้.
จบเวปุลลปัพพตสูตรที่ ๑๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป
เวปุลลปัพพตสูตร (ว่าด้วยความเป็นไปแห่งภูเขาเวปุลละ)
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงว่า สังสารวัฏฏ์ ยาวนาน กำหนดที่สุดเบื้องต้นเปลื้องปลายไม่ได้ ผู้มีอวิชชาและตัณหา ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏแม้แต่ภูเขาเวปุลละ นี้ ก็มีชื่อเรียกหลายอย่าง คือ ในสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กกุสันธะ ภูเขาเวปุลละ ได้ชื่อว่า ปาจีนวังสะ คนในยุคนั้น มีอายุประมาณ ๔หมื่นปี, ในสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโกนาคมนะ ภูเขาเวปุลละ ได้ชื่อว่าวงกต คนในยุคนั้นมีอายุ ๓ หมื่นปี, ในสมัยของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า กัสสปะ ภูเขาเวปุลละ ได้ชื่อว่า ปุสสะ คนในยุคนั้นมีอายุประมาณ ๒ หมื่นปี ชื่อแห่งภูเขาเวปุลละ ก็ได้อันตรธานไปแล้ว คนในยุคนั้นๆ ก็ได้กระทำกาละ (ตาย) ไปหมดแล้ว รวมถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละพระองค์ ก็เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
สำหรับในสมัยของพระองค์เอง (พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าโคดม) ภูเขาเวปุลละ ได้ชื่อว่า เวปุลละ และคนในยุคนี้มีอายุน้อย นิดหน่อย ประมาณร้อยปี (ถ้าจะเกินได้บ้าง ก็นิดหน่อย) คนเหล่านี้ ก็จักต้องตาย รวมถึงพระองค์ก็จักต้องปรินิพพานด้วยเช่นกัน สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้ พอทีเดียวที่จะเบื่อหน่ายคลายกำหนัด และ หลุดพ้นจากสังขารทั้งปวง. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สังขารทั้งหลาย
ไม่เที่ยง
ไม่ยั่งยืน
ไม่น่าชื่นใจอย่างนี้ พอทีเดียวที่จะ
เบื่อหน่าย
คลายกำหนัด
และ หลุดพ้นจาก
สังขารทั้งปวงขออนุโมทนาคะ
สาธุ สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง แม้แต่ภูเขาที่สูงใหญ่ยังอันตรธานหายไปได้แล้วทุกวันนี้เรามัวทำอะไรกันอยู่ ถึงยังไม่ยอมละทิ้งกิเลสกันนะ
เพราะไม่รู้ความจริงจึงมัวเมาประมาทในสิ่งที่ไม่เที่ยง แม้ภูเขาแข็งแกร่งสูงใหญ่ ยังไม่สามารถทนต่อความจริงคือความไม่เที่ยงได้ แล้วชีวิตที่นิดหน่อยแสนสั้นนี้ ควรสนใจสิ่งอื่นกันอยู่ หรือควรสนใจศึกษาพระธรรมเจริญกุศลทุกประการ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณกุศลจิตผู้อนุเคราห์เกื้อกูลความจริงด้วยค่ะ