ยึดติด

 
bue
วันที่  9 ก.พ. 2553
หมายเลข  15407
อ่าน  4,296

คนที่มีความทุกข์เพราะความรัก ทั้งๆ ที่รู้ว่า มีเหตุมาจากการยึดติด ที่มากเกินไป และไม่สามารถยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงของจิตใจคนได้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีปัญญามองหาทางออกได้ ต้องเจ็บปวด วนเวียนซ้ำๆ อย่างนี้ตลอดมา อยากขอคำแนะนำในการคิดเพื่อให้เลิกยึดติดบ้างค่ะ ทุกข์ใจมากๆ เลย ไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างคนปกติได้ ช่วยหน่อยนะคะ

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 10 ก.พ. 2553

โดยทั่วไป คนมีความทุกข์เพราะ อวิชชาและตัณหา เพราะดับอวิชชาและตัณหาได้คนจึงพ้นจากทุกข์ การศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า อันเป็นหนทาง เพื่อการดับทุกข์ พร้อมทั้งเหตุของทุกข์ เริ่มต้นตั้งการศึกษาตามลำดับ คือการฟังให้เข้าใจทุกข์อย่างเป็นเพียงธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น เกิดเพราะปัจจัย ไม่มีเรา ไม่มีคนอื่น และการฟังพระธรรมบ่อยๆ ทำให้ใจของเรา คิดในสิ่งที่ดีๆ มากขึ้น เมื่อเข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏมากขึ้น มีปัญญามากขึ้น จะทำให้ละคลายความยึดถือในสิ่งต่างๆ น้อยลงแต่ต้องใช้เวลา ดูตัวอย่างพระอริยบุคคลทั้งหลาย ในสมัยครั้งพุทธกาล เมื่อท่านอบรมเจริญปัญญาจนปัญญาคมกล้า สามารถดับการยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งทั้งปวงได้ เพราะท่านมีปัญญานั่นเองครับ
ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้... เรื่องของความรัก ทุกข์มากเพราะเห็นผิด ยึดว่าเป็นตัวตน

สุขทุกข์เกิดจากอะไร

แด่ผู้มีทุกข์ ๒๘ ......อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ [๑]

แด่ผู้มีทุกข์ ๒๙ ......อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ [๒]

ทุกข์เพราะ....รัก

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 10 ก.พ. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การละกิเลสต้องเป็นไปตามลำดับ กิเลสที่ละเป็นอันดับแรกคือ ความยึดถือว่าเป็นสัตว์

บุคคล เป็นเราไม่ใช่ความยึดติดด้วยโลภะ เพราะฉะนั้นการยึดติดด้วยโลภะในความ

พอใจในสิ่งต่างๆ พระอนาคามีและพระอรหันต์เท่านั้นย่อมจะละกิเลสคือความยึดติด

ด้วยโลภะได้ครับ

การเลิกยึดติด จึงไม่ใช่การบอกให้ทำแล้วจะเลิกยึดติดได้ แต่เป็นเรื่องของปัญญา

และปัญญาก็มีหลายระดับ ปัญญาระดับสูงถึงระดับพระอนาคามีจึงจะละความยึดติด

ติดข้องในสิ่งต่างๆ ได้ครับ ซึ่งก่อนที่จะมีปัญญาถึงระดับพระอนาคามี ก็ต้องเป็นพระ-

สกทาคามี เป็นพระโสดาบันก่อน และกว่าจะเป็นพระโสดาบันก็ต้องได้ปัญญาระดับสูง

อันเกิดจากการฟังธรรมในหนทางที่ถูกต้อง ดังนั้นจะต้องเริ่มจากเหตุที่ถูกให้เกิดปัญญา

คือการฟังพระธรรม

เราทุกข์ ก็อยากให้หายทุกข์เร็วๆ แต่หากไม่มีปัญญาทำอย่างไรก็ไม่หายทุกข์ และก็

ต้องทุกข์ซ้ำซากอยู่ร่ำไป ขอให้เริ่มจากเหตุที่ถูกคือการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม

ทุกคนล้วนมีความทุกข์ แต่ผู้มีความทุกข์แล้วควรแสวงหาประทีปคือปัญญาในการดับ

ทุกข์ โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจ ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
thorn
วันที่ 10 ก.พ. 2553
ความจริงก็คือ การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รักก็เป็นทุกข์ ค้นหาความจริง ตั้งแต่ความจรืงง่ายๆ ชีวิตต้องการอะไรกันแน่ แล้วตวามเป็นจริงเป็นอย่างไร..............ใช้ชีวิต เหมือนกำลังวิ่งหนีความจริง ยิ่งวิ่งหนีความจริงเท่าไหร่ก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น ยิ่งใกล้ความจริงเท่าไหร่ก็คลายทุกข์ได้มากเท่านั้นขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 10 ก.พ. 2553
ทั้งๆ ที่รู้ว่ามีเหตุมาจากการยึดติดที่มากเกินไป และไม่สามารถยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงของจิตใจคนได้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่มีปัญญามองหาทางออกได้ ต้องเจ็บปวดวนเวียนซ้ำๆ อย่างนี้ตลอดมา....ทุกอย่างเป็นธัมมะ..เป็นธรรมดาเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง...เขาเปลี่ยนไปเจอสิ่งที่ดีมีความสุข....ควรดีใจด้วย.รักที่ควรเป็นคือเมตตาหากเป็นความติดข้อง (โลภะ) มีแต่ความทุกข์....
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Pinyapachaya
วันที่ 11 ก.พ. 2553
ระยะเวลาที่สะสมกิเลสต่างๆ จนหนาแน่นกลายเป็นอุปนิสัยก็ยาวนานพอสมควรนะคะ ดังนั้นก็เป็นธรรมดาค่ะที่จะค่อยๆ ละคลายกิเลสไปทีละนิดละหน่อย ละความยึดมั่นในความเห็นผิดต่างๆ เป็นเรื่องที่ควรใส่ใจก่อนเรื่องอื่น ซึ่งก็ยากมากจริงๆ เป็นพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้า ที่ทรงตรัสรู้หนทางพ้นทุกข์นี้ ลองปลอบใจตัวเองว่า ระหว่างศึกษาพระธรรมและเจริญกุศลทุกประการ จะคุ้มค่ากว่าไหมเมื่อเทียบกับวันและเวลาที่ทุกข์ใจ-หวงแหน-อาลัยอาวรณ์กับคนๆ นั้น เพราะชีวิตเป็นของน้อยจริงๆ สักวันก็จะต้องลืมทุกสิ่งบนโลกนี้อยู่แล้ว กลายเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ในโลกหน้า ต้องมาเริ่มทุกข์ใหม่กับคนใหม่ เครียดใหม่ ไม่จบไม่สิ้น ข้ามไปข้ามมาจริงๆ ค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
bue
วันที่ 11 ก.พ. 2553
ขออนุโมทนาสำหรับทุกๆ ความเห็น จะพยายามทำตามที่แนะนำนะคะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
oom
วันที่ 11 ก.พ. 2553

ทุกชีวิตเกิดมา ที่จะไม่ทุกข์นั้น เป็นไม่มี นอกจากพระอรหันต์

ความทุกข์ในพระพุทธศาสนาที่เห็นง่ายๆ ก็คือทุกข์ทางกาย กับทุกข์ทางใจ ซึ่งแต่ละ

คนก็จะประสบความทุกข์เหมือนๆ กัน เพียงแต่ว่าจะทุกข์มาก หรือทุกข์น้อย

พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องทุกข์ไว้ ดังนี้.......................

ทุกข์เพราะไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ..............

ทุกข์เพราะได้สิ่งที่ไม่ต้องการ...................

กรณีของคุณทุกข์เพราะความรัก รองพิจารณาดีๆ ว่าทำไมถึงทุกข์

ถ้าความรักมีเพื่อให้ ไม่ได้มีไว้เพื่อครอบครองเป็นของเรา

เราก็ทุกข็น้อยลง แต่ถ้าจะไม่ทุกข์ ต้องรักแบบเมตตา มีความหวังดี มีความเป็นเพื่อน

ก็จะไม่ทุกข์ แต่เป็นเรื่องยาก ถ้ายังไม่เข้าใจธรรมะ

ธรรมะ คือสิ่งที่กำลังปรากฎ ถ้าคุณเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้น ยอมรับได้ ความทุกข์น่าจะ

ละคลายลงบ้าง เพราะเราไม่สามารถบังคับบัญชาใครได้ เมื่อมีเหตุปัจจัย ผลย่อมมี

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
คุณ
วันที่ 11 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
bue
วันที่ 11 ก.พ. 2553
คิดว่าโชคดีจังที่บังเอิญเปิดมาเจอเวบไซนี้ อ่านความคิดเห็นของหลายๆ ท่าน

แล้วรู้สึกดีขึ้นมากเลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ