ธรรมสำหรับผู้อยู่ครองเรือน [อาฬวกสูตร เป็นต้น]
* สัจจะ คือ วาจาสัจจ์ ธรรมะ หรือ ทมะ หมายถึง ความฝึกตน ได้แก่ ปัญญา ธิติ คือ ความขยัน ความเพียร จาคะ คือ การให้ การเสียสละ *
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖ - หน้าที่ ๓๕๕
ธรรมิกสูตร
สาวกวางอาชญาในสัตว์ทุกหมู่เหล่า
ทั้งผู้ที่มั่นคง ทั้งผู้ที่ยังสะดุ้งในโลกแล้ว ไม่
พึงฆ่าสัตว์เอง ไม่พึงใช้ผู้อื่นให้ฆ่า และไม่
พึงอนุญาตให้ผู้อื่นฆ่า.
แต่นั้น สาวกรู้อยู่ พึงเว้นสิ่งที่เขา
ไม่ให้อะไรๆ ในที่ไหนๆ ไม่พึงใช้ให้ผู้
อื่นลัก ไม่พึงอนุญาตให้ผู้อื่นลัก พึงเว้น
วัตถุที่เจ้าของเขาไม่ให้ทั้งหมด.
สาวกผู้รู้แจ้ง พึงเว้นอพรหมจรรย์
เหมือนบุคคลเว้นหลุมถ่านเพลิงที่ไฟลุกโชน
ฉะนั้น แต่เมื่อไม่สามารถประพฤติพรหม-
จรรย์ ก็ไม่พึงก้าวล่วงภรรยาของผู้อื่น.
ก็สาวก ผู้อยู่ในที่ประชุมก็ดี อยู่ใน
ท่ามกลางบริษัทก็ดี ไม่พึงกล่าวเท็จแก่
บุคคลผู้หนึ่ง ไม่พึงให้ผู้อื่นกล่าวคำเท็จ ไม่
พึงอนุญาตให้ผู้อื่นกล่าวเท็จ พึงเว้นคำไม่
เป็นจริงทั้งหมด.
สาวกผู้เป็นคฤหัสถ์ไม่พึงดื่มน้ำเมา
พึงชอบใจธรรมนี้ ไม่พึงใช้ให้ผู้อื่นดื่ม ไม่
พึงอนุญาตให้ผู้อื่นดื่ม เพราะทราบชัดการ
ดื่มน้ำเมานั้นว่า มีความเป็นบ้าเป็นที่สุด.
คนพาลทั้งหลายย่อมกระทำบาปเอง
และใช้คนอื่นผู้ประมาทแล้ว ให้กระทำบาป
เพราะความเมานั่นเอง สาวกพึงเว้นความ
เป็นบ้า ความหลงที่คนพาลใคร่แล้ว อัน
เป็นบ่อเกิดแห่งบาปนี้. ฯลฯ
[๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทรัพย์ ๗ ประการนี้ ๗ ประการ เป็นไฉน คือ ทรัพย์คือศรัทธา ๑ ศีล ๑ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑ สุตะ ๑ จาคะ ๑ ปัญญา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทรัพย์ ๗ ประการนี้แล. ทรัพย์ คือ ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ สุตะ จาคะ และปัญญาเป็นที่ ๗ ทรัพย์เหล่านี้มี แก่ผู้ใด เป็นหญิงหรือชายก็ตาม บัณฑิตเรียก ผู้นั้นว่า เป็นผู้ไม่ยากจน ชีวตของผู้นั้นไม่เปล่า บุคคล เมื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า พึงประกอบศรัทธา ศีล ความเลื่อมใส และการ เห็นธรรม.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ ๒๐๖
๒. อันนนาถสูตร ว่าด้วยสุข ๔ ประการ
[๖๒] ครั้งนั้น อนาถบิณฑิกคฤหบดีเข้าไปเฝ้า ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดี สุข ๔ ประการนี้ อันคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ควรได้รับตามกาล-สมัย สุข ๔ ประการคืออะไรบ้าง คือ
อตฺถิสุขํ สุขเกิดแก่ความมีทรัพย์
โภคสุขํ สุขเกิดแต่การจ่ายทรัพย์บริโภค
อนณสุขํ สุขเกิดแต่ความไม่ต้องเป็นหนี้
อนวชฺชสุขํ สุขเกิดแต่ประกอบการงานที่ปราศจากโทษ
มัวเมา ดีชั้นสาม, เมื่อเวลาเสื่อมประโยชน์ ไม่มีความลำบากใจ ดีชั้นสี่. ... ฯลฯ ...