น้ำในมหาสมุทร.

 
พุทธรักษา
วันที่  19 ก.พ. 2553
หมายเลข  15544
อ่าน  1,518

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาธรรม ณ
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๓
ถอดเทปบันทึกเสียง โดย
คุณสงวน สุจริตกุล

"พระสูตร" บางตอน ที่กล่าวถึงการเห็นน้ำในมหาสมุทรพระผู้มีพระภาคฯ ตรัสว่า "น้ำในมหาสมุทร ยังน้อยกว่า น้ำตาของคนในสังสารวัฏฏ์"

ได้ฟัง คำว่า "น้ำตา" วันนี้ ท่านผู้ฟังมี "น้ำตา" หรือยัง ถ้ามี ก็มีทีละหยดๆ กว่าจะเต็มมหาสมุทร แล้ว "สิ่งที่มี...แล้วไม่รู้".....มีมากกว่า แต่ ได้ยินคำว่า "น้ำในมหาสมุทร น้ำตาของคนในสังสารวัฏฏ์" แล้วก็ "คิดถึงเรื่องราว"

"ความจริงโดยโวหารเทศนา" หมายความว่า ทรงแสดง เพื่อให้เห็น "ความจริง" ความจริงที่ว่า ในสังสารวัฏฏ์นี้ ยาวนานและ ยังอยู่ในสังสารวัฏฏ์นี้ โดย ไม่รู้ "ความจริง" ทั้งๆ ที่ ความจริงกำลังเกิดดับ เป็น "ธรรมะ" เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องตาย ไม่มีใครบังคับบัญชาได้เลยแต่ ก็เข้าใจว่า เป็นเราที่เกิด เป็นเราที่ตายโดยไม่รู้ "ความจริง" ว่า เป็น"ธรรมะ" เป็น "ธรรมะ" ทั้งหมด ตั้งแต่เกิดจนตาย

ทุกขณะเป็น"ธรรมะ" ซึ่ง ไม่เที่ยงเพราะว่า เมื่อมีปัจจัยให้เกิดปรากฏแล้ว ต้องดับไปอย่างรวดเร็วจนสุดจะประมาณได้ การปรากฏของ "ธรรมะ" ปรากฏพร้อม "นิมิต" เช่น กำลังเห็นในขณะนี้ ก็เสมือนกับเห็น"คน" ทันที แสดงว่า ความเข้าใจ ยังห่างไกลจากการที่จะ "เข้าถึงความจริง"

แต่สามารถ "เริ่มเข้าใจได้" ทีละเล็ก ทีละน้อย ถ้าไม่ติดอยู่กับ "เรื่องราว" สิ่งที่ควรพิจารณา ก็คือ "โวหารเทศนา" ที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงไว้โดยละเอียดอย่างนั้น ก็เพื่อให้เข้าใจใน "ความเป็นอนัตตา" ของสภาพธรรมที่มีจริง แต่ละลักษณะ แต่ละอย่างๆ ซึ่งเกิดแล้ว ก็ต้องดับไป ไม่กลับมาอีกเลย ทุกขณะๆ

สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ก็เป็นอย่างนี้....สิ่งที่จะเกิดต่อไป ก็เป็นอย่างนี้ ขณะนี้.....ก็เป็นอย่างนี้
แต่ ที่แล้วมามีความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่ได้ฟังแล้วแค่ไหน ในชาตินี้
เพียงพอ ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ ใช่ไหม ว่า ปัญญา หรือ ความเข้าใจ ทันทีที่ได้ฟังพระธรรม และทั้งๆ ที่ "ธรรมะ" กำลังปรากฏสามารถที่จะ "เข้าถึงลักษณะ" ที่กำลังปรากฏของ "ธรรมะ" หรือยัง

"ธรรมะ" ซึ่งกำลังปรากฏเฉพาะอย่างๆ ที่ละลักษณะๆ ซึ่งไม่พร้อมกัน เกิดปรากฏแล้วดับไปๆ เพราะฉะนั้น ประโยชน์ ก็คือว่า มีความเข้าใจที่มั่นคง ว่า สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ เป็น "ธรรมะ" เป็นอนัตตา และ ไม่เที่ยง เมื่อลืม ว่า เป็น "ธรรมะ" เป็นอนัตตา และ ไม่เที่ยงก็อยากได้ลาภ ยศ สรรเสริญ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ฯลฯ เพราะลืม ว่า เป็น "ธรรมะ"
ลืม ว่า เป็นเพียง "สิ่งที่ปรากฏ แล้วต้องหมดไป" แต่ละทางๆ ทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ



ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 22 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
คนรักธรรมะ
วันที่ 22 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 22 ก.พ. 2553

ขออุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sam
วันที่ 22 ก.พ. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
aditap
วันที่ 23 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
aiatien
วันที่ 24 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 25 ก.พ. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 16 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ