ไปสนทนาธรรม ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
.........
เนื่องในวันมาฆบูชาที่ผ่านมา ชมรมพุทธศาสน์วังพญาไท ได้จัดให้มีการสนทนาธรรม
ที่ห้องประชุม ชั้น ๑๐ อาคารพัชรกิติยาภา โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ
ในเวลา ๙.๐๐-๑๔.๓๐ น. โดยได้เรียนเชิญท่านอาจารย์และคณะวิทยากรของมูลนิธิฯ
ไปร่วมสนทนา อันเป็นกิจกรรมที่ทางชมรมฯได้จัดให้มีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ข้าพเจ้าเพิ่งได้มีโอกาสเป็นครั้งแรกในการเข้าร่วมฟังการสนทนาด้วย
ไม่คาดคิดว่า จะได้พบเห็นผู้คนมากมาย ทำให้ห้องประชุมอันใหญ่โตสวยงามนั้น
ดูแคบลงไปถนัดใจ และทางผู้ดำเนินงานก็มีจิตอันเป็นกุศลอย่างยิ่ง
ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ต้อนรับ คอยนำท่านผู้สนใจเข้าฟัง เข้าหาที่นั่งจนทั่วถึงทุกคน
ทั้งนี้ ยังต้องมีการเสริมเก้าอี้ตามทางเดินอีกด้วย เป็นที่น่าปลื้มปีติอย่างยิ่ง
ข้าพเจ้าจึงใคร่ขอถือโอกาสนี้
กราบอนุโมทนาท่านผู้มีส่วนร่วมในการจัดงานทุกๆ ท่านด้วยครับ
ในช่วงพักรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งมีท่านผู้มีจิตศรัทธาจัดอาหารไว้เลี้ยงต้อนรับ
ทุกท่านที่เข้าร่วมสนทนาธรรม อย่างมากมายทั่วถึง เท่าที่เห็นผ่านๆ มีทั้งข้าวกล่อง
นานาชนิด กระเพาะปลา ขนมต่างๆ หลายชนิด ขออนุโมทนาด้วยครับ
นอกจากนี้ ยังมีผู้ให้ความสนใจ อุดหนุนสื่อธรรมะชนิดต่างๆ
ที่ทางมูลนิธิฯได้จัดมาบริการ
อย่างที่เรียกว่าล้นหลาม มากมายจริงๆ ครับ น่าชื่นใจและน่าอนุโมทนาที่มีผู้สนใจ
ใคร่รู้ความจริงของชีวิตของตน ด้วยการสนใจใฝ่หาพระธรรมที่ถูกต้องและซื่อตรง
อันท่านอาจารย์ได้พากเพียรบรรยายไว้เป็นระยะเวลายาวนานหลายสิบปีมาแล้ว
ด้วยจุดประสงค์เพียงเพื่อ ให้ทุกท่านที่ได้ยินได้ฟัง มีความเข้าใจ ในพระธรรม
ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงไว้ อย่างถูกต้อง และตรงตามพระพุทธดำรัส
ที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฏก ทั้งนี้ ก็เพื่อประโยชน์แก่บุคคลนั้นเองที่ได้ยินได้ฟัง
หาใช่เพื่อลาภ ยศ สักการะอันใดไม่
ความข้อนี้ทุกท่านที่ได้ติดตามฟังท่านมาอย่างยาวนาน ย่อมทราบดี
เมื่อกล่าวถึงตอนนี้ ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงคำพูดของคุณลุงนิภัทร ซึ่งท่านได้เคยกล่าวไว้
เมื่อคราวที่ทางบ้านธัมมะเชียงใหม่จัดงานมุทิตาจิตแด่ท่านอาจารย์
ในวันคล้ายวันเกิดเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และ คุณลุงได้นำมาย้ำในคราวนี้
อีกครั้งหนึ่งว่า
"...ไม่เสียชาติเกิด ที่ได้พบท่านอาจารย์..."
อันเป็นข้อความที่ใครๆ ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะเหตุว่า...
"...กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ
กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ
กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ
กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท.
ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก
ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอยู่ยาก
การฟังพระสัทธรรม เป็นของยาก
การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง หลาย เป็นการยาก..."
...
ดังนั้น การที่ท่านอาจารย์ได้นำความจริงที่ถูกต้อง ของพระธรรมอันสุขุมลุ่มลึก
ที่ทรงแสดงไว้ดีแล้วนั้นมาทำให้เราได้เข้าใจขึ้นบ้าง ย่อมเป็นประโยชน์ยิ่ง
แก่ทุกบุคคล ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏฏ์อันหาเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้นี้
สุดจะประมาณ
โอกาสนี้ ขอนำข้อความบางตอนที่คุณลุงนิภัทรสนทนาไว้
มาให้ท่านได้อ่านและพิจารณาดังนี้
"... (ธรรมะ) เขามีปรากฏอยู่ทุกวัน แต่เราไม่รู้ เพราะขาดการศึกษา ไตร่ตรอง เราก็เห็นว่า
เป็นเราได้เห็น เราได้ยิน เราได้กลิ่น เรารู้รส เราถูกต้องสัมผัส เราคิดนึก
ก็เป็นเราไปหมด ไม่เห็นว่าเป็น ธรรมะ..."
"...เพราะฉะนั้น เราก็ต้องรู้ว่า ที่ว่าชีวิตๆ เรื่อง สัตว์ บุคคล ตัวตนเราเขาเนี่ย
ก็คือสิ่งเหล่านี้แหละครับ ถ้าไม่รู้สิ่งเหล่านี้ แล้วจะไปรู้อะไร? พอรู้แล้ว เราก็จะได้รู้ว่า
ตัวตนที่เราสำคัญผิด คิดว่าเป็นตัวตนน่ะ.....มันไม่มี...
...มันมีแต่..ธรรมะ...ที่เกิดอยู่ตามทวารต่างๆ เนี่ย...ที่เกิดตลอดเวลาเนี่ย..."
"...เราก็ต้องคิดบ้างสิ มันมีอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ไหม? ถ้าไม่เห็นว่าอย่างนี้มีประโยชน์
และมีคุณค่า แล้วมีอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ไหม? วันๆ หนึ่ง มีอะไรที่นอกเหนือไปจาก
การได้เห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การถูกต้องสัมผัส การคิดนึกไหม?
...มันมีไหม?
"...พุทธศาสนิกชนควรพิจารณาและศึกษา ให้รู้ว่าธรรมและความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นคืออะไรความจริงที่ทรงตรัสรู้ต่างกับความจริงที่เราคิดนึกหรือเข้าใจ อย่างไร
ความจริงที่ทรงตรัสรู้ และทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัท คือ
สิ่งทั้งหลายที่ปรากฏนั้น เป็นธรรมแต่ละชนิดแต่ละประเภท
ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะปัจจัย ปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้
สภาพธรรมแต่ละชนิด ต่างกัน เพราะเกิดจากเหตุปัจจัยต่างๆ กัน..."
(คัดจาก ธรรมเตือนใจ)
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์และคณะวิทยากรทุกท่าน
รวมทั้งคุณวันชัยที่ได้กรุณานำมาให้ซึ่งความปิติของผู้อ่าน ที่ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรม
ขอกราบขอบพระคุณท่านวิทยากรทุกๆ ท่านทั้งที่ได้ให้ธรรมะบนเวทีสนทนา และที่อยู่ด้านล่าง ที่เสียสละอย่างยิ่งยวด ที่จะให้คณะผู้ฟังธรรม ได้เข้าใจพระธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง ได้มากที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะกระทำได้ ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
กุศลจิตมากมายที่เกิดแล้วดับแล้ว ซาบซึ้งอนุโมทนาจริงๆ ค่ะ คุณวันชัย ยังได้เจริญกุศลสร้างเหตุให้เกิดกุศลต่อเนื่องอีก อนุโมทนาค่ะ กราบอนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ
ดังนั้น การที่ท่านอาจารย์ได้นำความจริงที่ถูกต้อง ของพระธรรมอันสุขุมลุ่มลึก
ที่ทรงแสดงไว้ดีแล้วนั้นมาทำให้เราได้เข้าใจขึ้นบ้าง ย่อมเป็นประโยชน์ยิ่ง
แก่ทุกบุคคล ที่ยังเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏฏ์อันหาเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้นี้
สุดจะประมาณ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณวันชัยค่ะ
"...เราก็ต้องคิดบ้างสิ มันมีอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ไหม? ถ้าไม่เห็นว่าอย่างนี้มีประโยชน์
และมีคุณค่า แล้วมีอะไรที่นอกเหนือไปจากนี้ไหม? วันๆ หนึ่ง มีอะไรที่นอกเหนือไปจาก
การได้เห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การถูกต้องสัมผัส การคิดนึกไหม?
...มันมีไหม?
.......
ธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นเพราะปัจจัย ปรุงแต่งจึงเกิดขึ้นได้
สภาพธรรมแต่ละชนิด ต่างกัน เพราะเกิดจากเหตุปัจจัยต่างๆ กัน..."
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาคุณวันชัย
ที่กรุณานำถ้อยคำอันประเสริฐมาถ่ายทอดค่ะ
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของคุณวันชัยค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ