คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่ว นั้นไม่มี

 
worrawat
วันที่  2 มี.ค. 2553
หมายเลข  15652
อ่าน  27,723

คำกล่าวที่ว่า "คนพูดเท็จ ไม่ทำชั่ว นั้นไม่มี" เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องใช่หรือไม่ครับ เคยได้ยินเรื่อง การบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ ว่าสัจจบารมีนั้นเป็นบารมีข้อแรกที่ต้องบริบูรณ์ก่อนบารมีอื่นๆ ใช่หรือไม่ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 3 มี.ค. 2553

ถูกต้องครับ เพราะถ้อยคำดังกล่าวเป็นพระพุทธพจน์

[เล่มที่ 45] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 165

๕. สัมปชานมุสาวาทสูตร

ว่าด้วยสัมปชานมุสาวาท

[๒๐๓] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลล่วงธรรมอย่างหนึ่งแล้ว เรากล่าวว่าบาปกรรมไรๆ อันเขาจะไม่พึงทำไม่มีเลย ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน คือสัมปชานมุสาวาท.

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า บาปกรรม ที่สัตว์ผู้เป็นคนมักพูดเท็จ ล่วงธรรมอย่างหนึ่งแล้ว ข้ามโลกหน้าเสีย แล้ว จะไม่พึงทำ ไม่มีเลย. เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนั้นแล.

จบ สัมปชานมุสาวาทสูตรที่ ๕

และข้อความตอนหนึ่งจากจริยาปิฎกว่า อนึ่ง พึงพิจารณาความถึงพร้อมแห่งสัจจบารมี โดยนัยมีอาทิว่าเพราะเว้นสัจจะเสียแล้ว ศีลเป็นต้นก็มีไม่ได้ เพราะไม่มีการปฏิบัติอันสมควรแก่ปฏิญญา เพราะรวมธรรมลามกทั้งปวง ในเพราะก้าวล่วงสัจจธรรม. เพราะผู้ไม่มีสัจจะเป็นคนเชื่อถือไม่ได้ เพราะนำถ้อยคำที่ไม่ควรยึดถือต่อไปมาพูด เพราะผู้มีสัจจะสมบูรณ์เป็นผู้ตั้งมั่นในคุณธรรมทั้งปวง เพราะเป็นผู้สามารถบำเพ็ญโพธิสมภารทั้งปวงให้บริสุทธิ์ได้ เพราะกระทำกิจแห่งโพธิสมภารทั้งปวง ด้วยไม่ให้ผิดสภาวธรรม และเพราะสำเร็จในการปฏิบัติของพระโพธิสัตว์ ดังนี้ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 3 มี.ค. 2553

ดูก่อนราหุล เรากล่าวว่าบุคคลผู้ไม่มีความละอายในการกล่าวมุสาทั้งที่รู้อยู่ ที่จะไม่ทำบาปกรรมแม้น้อยหนึ่งไม่มี ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุนั้นแหละ ราหุล เธอพึงศึกษาว่า เราจักไม่กล่าวมุสา แม้เพราะหัวเราะกันเล่น ดูก่อนราหุล เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล

เชิญคลิกอ่าน ...

ทรงโอวาทพระราหุล [จูฬราหุโลวาทสูตร]

ผู้มีสัจจะสมบูรณ์เป็นผู้ตั้งมั่นในคุณธรรมทั้งปวง.

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
worrawat
วันที่ 3 มี.ค. 2553

ขอขอบพระคุณมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
พุทธรักษา
วันที่ 3 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 3 มี.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 59]

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๕ - หน้าที่ ๖๕๓

ในโลกนี้ ขึ้นชื่อว่าที่พึ่งที่เช่นกับความสัตย์ ไม่มี เพราะว่า ผู้ที่ทิ้งความสัตย์เสียแล้ว ย่อมไม่สามารถจะนั่งที่โพธิบัลลังก์บรรลุพระโพธิญาณได้ เราควรกล่าวแต่ความสัตย์เท่านั้น. จริงอยู่ ปาณาติบาต (ฆ่าสัตว์) ก็ดี อทินนาทาน (ถือเอาสิ่งของที่เขาไม่ได้ให้) ก็ดี กาเมสุมิจฉาจาร (การประพฤติผิดในกาม) ก็ดี สุราปานะ (การดื่มสุรา) ก็ดี ย่อมมีแก่พระโพธิสัตว์ได้บ้างในฐานะบางอย่าง แต่มุสาวาทที่มุ่งกล่าวให้คลาดเคลื่อนหักประโยชน์เสีย ย่อมไม่มีแก่พระโพธิสัตว์เลย (ข้อความตอนหนึ่งจาก ... ขุททกนิกาย ชาดก หาริตจชาดก)


บรรดาคำพูด ๑๐ คำ คำสัตย์แม้สักคำหนึ่งย่อมไม่มีแก่ผู้ใด ผู้เห็นปานนี้ ชื่อว่าผู้มักพูดเท็จ การพูดเท็จ เป็นวจีทุจริต เป็นอกุศลกรรมบถ เมื่อสำเร็จเป็นอกุศลกรรมบถที่ครบองค์แล้ว ย่อมทำให้ผลที่ไม่ดีเกิดขึ้น กล่าวคือ ผลอย่างหนักทำให้ไปเกิดในอบายภูมิ ถ้าเป็นผลอย่างเบา เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ย่อมทำให้ได้รับคำพูดที่ไม่จริงจากผู้อื่น บุคคลผู้มักพูดเท็จ พูดโกหก ที่จะไม่ทำอกุศลกรรมอย่างอื่นเป็นไม่มี เพราะเหตุว่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะต้องพูดเท็จ ยังพูดได้ จึงไม่ต้องพูดถึงอกุศลกรรมอย่างอื่นที่เขาจะไม่ทำ พระธรรมเทศนาในเรื่องนี้ จึงเป็นเครื่องเตือนสติได้เป็นอย่างดี เตือนไม่ให้ประมาทโดยประการทั้งปวง เพราะตราบใดที่ยังเป็นปุถุชน ผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส ยังไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล จะประมาทกำลังของกิเลสไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเมื่อมีเหตุปัจจัย ย่อมล่วงศีลได้ ทำอกุศลกรรมประการต่างๆ ได้ ถ้าเหตุปัจจัยพร้อม ดังนั้น อกุศลแม้เล็กน้อย ก็พึงเห็นว่าเป็นโทษเป็นภัย ไม่ควรสะสมให้มีมากขึ้น ควรที่จะละอาย และเกรงกลัวต่ออกุศล และถอยกลับจากอกุศลให้เร็วที่สุด แล้วสะสมเฉพาะสิ่งที่ดีเท่านั้น ครับ.

... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 3 มี.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

อริยสัจจะคือความจริงแท้อันประเสริฐ ผู้ที่จะรู้อริยสัจจะก็ต้องเป็นผู้ที่มีสัจจะตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่วจีสัจจะ (คำพูดที่จริง) หากไม่ตรงตั้งแต่ต้นแล้ว คือเป็นผู้กล่าวเท็จทั้งที่รู้ล่วงเลยสัจจะก็ไม่มีทางถึงอริยสัจจะได้

แสดงให้เห็นถึงกำลังของกิเลสว่ามีมากหรือน้อยในชีวิตประจำวัน กล่าวเท็จทั้งที่รู้ เช่น เมื่อถามว่าไม่ชอบก็บอกว่าเฉยๆ เป็นต้น ตัวผู้กล่าวเท็จเองก็รู้อยู่แต่ไม่มีความละอาย ก็ย่อมทำบาปอื่นได้เพราะแม้เรื่องเล็กน้อยก็ยังไม่ละอายครับ พระธรรมจึงเป็นเครื่องเตือนที่จะเห็นโทษแม้เล็กน้อย ที่สำคัญหากยังล่วงแม้วจีสัจจะแล้วการบรรลุอริยสัจจะก็มีไม่ได้เพราะไม่ได้เป็นไปเพื่อน้อมปฏิบัติตามในพระธรรมครับ

ธรรมทั้งหลายต้องมีเหตุ การกล่าวเท็จทั้งๆ ที่รู้อยู่ก็ต้องมีเหตุคือ เป็นผู้ติดข้องในกาม เป็นผู้ที่หนักในลาภสักการะ เป็นต้น

สำหรับคำถามที่ว่าสัจจบารมีเป็นบารมีข้อแรกที่ต้องบริบูรณ์ก่อนนั้น คงไม่ได้หมายความอย่างนั้นครับ ทุกๆ บารมีต้องดำเนินควบคู่กันไปจนเต็ม แต่ทรงแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสัจจบารมีว่าเป็นแกนสำคัญในการบรรลุธรรมเพราะเป็นสิ่งที่จริง ตรงและแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมอย่างแท้จริงอันเป็นไปเพื่อละกิเลสซึ่งเป็นการอบรมบารมีครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ผู้มักพูดคำไม่จริงย่อมเข้าถึงนรก [เรื่องนางปริพาชิกาชื่อสุนทรี]

กล่าวมุสาทั้งที่รู้ได้เพราะลาภสักการะและความเสริญเสริญ [รูปิยปาติสูตร]

มุสาทั้งที่รู้สึกอยู่เพราะเหตุแห่งกาม [อัตถกรณสูตร]

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 3 มี.ค. 2553

คนที่พูดเท็จ จะไม่ทำชั่วในที่ลับไม่มี ถ้าไม่มีสัจจะ คือความจริงใจที่จะละอกุศล ขัดเกลา ละความไม่รู้ มรรค ผล นิพพาน ก็ไม่มีทางบรรลุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Jans
วันที่ 3 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 4 มี.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
คุณ
วันที่ 4 มี.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 9 ส.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 30 ธ.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Jarunee.A
วันที่ 11 ธ.ค. 2566

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ