โลกสันนิวาส...ถูกความกังวลเป็นอันมากพัวพัน ?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สนทนาธรรม ณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๒ ถอดเทปบันทึกเสียงโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
ฟังพระธรรม คือ การฟังเรื่องของ "สิ่งที่มีจริง" เช่น กล่าวถึง "สิ่งที่เคยยึดถือ ว่า เป็นเรา"เพื่อให้เข้าใจว่า "เป็นธรรมและเป็นอนัตตา" ข้อความทั้งหมดที่แสดงก็เพื่อแสดงให้เห็นถึง "ความเป็นธรรมและเป็นอนัตตา" มิฉะนั้น ก็จะมัวไป "คิดถึงพยัญชนะ"
เพราะฉะนั้น ขณะที่ได้ฟัง "ข้อความใดในพระไตรปิฎก" ควรทราบว่า เป็นการกล่าวถึง "สิ่งที่มีจริง" ที่ไม่เคยรู้ และ ยังหลงยึดถือ ว่า เป็นเรา อีกด้วย
ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของบุคคลอื่น และ เรื่องอื่นแต่ เป็นการกล่าวถึง "สภาพของจิตแต่ละขณะ" ซึ่ง "เป็นธรรมะและเป็นอนัตตา"
ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจตามความเป็นจริง ว่าที่เคยหลงยึดถือว่า เป็นเราที่ไม่สงบ เป็นเราที่ฟุ้งซ่าน ความจริง ก็คือ เป็นจิตประเภทใดประเภทหนึ่ง "ยกพล" หมายความว่า ถ้าเป็นไปในทาง "อกุศล" ก็คือมี "พล" ที่ฟุ้งซ่าน และ ไม่สงบมากมายเกิดร่วมกัน
ยกพลไปไหน ก็แล้วแต่ว่า จะไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจซึ่งเป็น "อกุศล" ประเภทใด ประเภทหนึ่งทางกายทุจริตบ้าง ทางวจีทุจริตบ้าง หรือ ทางมโนทุจริตบ้าง ทั้งหมด ก็คือ "สภาพธรรมในขณะนี้ทั้งหมด" ซึ่งไม่เคยรู้
ฟังพระธรรม ไม่ใช่เพื่อเพื่อความหวัง ว่า จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมเมื่อไร และถ้าไม่ใช่การฟังเพื่อความเข้าใจ "สภาพธรรม-ที่กำลังปรากฏ-ในขณะนี้"ก็ไม่มีประโยชน์เลย เพราะว่า "ข้อความทั้งหมด" แสดงถึงแต่ละบุคคล ซึ่งหลงยึดถือสภาพธรรม ว่า "เป็นตัวตน" จนกว่าจะมีความเข้าใจ "ธรรมะ" จากการฟังพระธรรมเพิ่มขึ้นจนกระทั่ง เข้าใจจริงๆ ว่า แท้จริงแล้ว ชีวิตแต่ละขณะ ก็คือ ข้อความที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงไว้นั่นเอง เช่น ข้อความจากพระไตรปิฎก ที่แสดงว่า "โลกสันนิวาส ถูกความกังวลเป็นอันมากพัวพัน"
ขณะนี้มี "ใคร" กังวลอะไรบ้างหรือเปล่า ขณะนี้เป็น "โลกสันนิวาส" หรือว่า "เป็นเรา" กังวลเรื่องอะไร เพราะอะไร "อยากจัดการ" หรือเปล่า กังวลเพราะ "คิดที่จะจัดการ" หรือเปล่า
ถ้าเข้าใจ ว่า เป็น "ธรรมะ" ซึ่งไม่มี "ใคร" ที่จะไปจัดการอะไรได้เลยจะกังวลไหม เพราะฉะนั้น ขณะใดที่กังวล ก็เพราะเหตุว่า คิดว่ามีเราที่สามารถจัดการได้ แต่ ถ้าเป็นผู้ที่มั่นคงในความเข้าใจ "ธรรมะ" ว่า ทุกอย่าง เกิดขึ้น เพราะ"เหตุปัจจัย" ไม่ใช่เพราะ "คนหนึ่งคนใด"
เพราะเหตุว่า ตราบใด ที่มีความกังวล ก็เหมือนว่าลืมไป ว่า "ไม่มีใคร" ที่สามารถ"ทำอะไรขึ้นมา" ได้เลยนอกจาก "เหตุปัจจัย" ที่ทำให้ "ธรรมะใด" เกิด "ธรรมะนั้น" ก็ต้องเกิด ฉะนั้น ผู้จัดการที่แท้จริง ก็คือ "สังขารขันธ์"
"ปัญญา" ทำหน้าที่ของปัญญา "อวิชชา" ทำหน้าที่ของอวิชชา ทั้งหมดที่ได้ฟัง ก็เพื่อเข้าใจในความเป็น "ธรรมะ" เพิ่มขึ้นๆ คำเดิมๆ เช่น "จิต" และ "เจตสิก"ก็มีการกล่าวถึงทุกครั้งที่อ่านพระสูตร พระวินัย หรือ พระอภิธรรมจิตและเจตสิก เป็นสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน
เมื่อไรที่หมดความสงสัยในสภาพธรรม ที่เคยยึดถือ ว่า "เป็นเรา" เพราะ "ประจักษ์แจ้งลักษณะที่แท้จริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ "เมื่อนั้น ก็จะไม่เป็น "ผู้ที่คิดว่ามีตัวตน" อีกต่อไป
.
ขออนุโมทนา
ขณะใดที่กังวล ก็เพราะเหตุว่า คิดว่ามีเรา...ที่สามารถจัดการได้.!
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ตื่นขึ้นมาทีไร ก็จะจัดการทุกเรื่องทุกที เลยครับ