๔ วันในพุทธคยา 1 เที่ยวบินเที่ยวพิเศษสู่พุทธคยา

เนื่องจากกระทู้ที่เคยส่งไปในคราวที่ไปถวายผอบเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่สมาคมมหาโพธิ์ที่พุทธคยาเมื่อปี ๕๑ นั้นหายไป เมื่อคุณบัวขาวได้อ่านตอนที่เหลืออยู่จึงคิดว่าน่าจะตั้งกระทู้นี้ใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้คงไม่มีความคิดเห็นเก่าๆ และก็คงต้อง

ขอความกรุณาจากคุณ วันชัย๒๕๐๔ ช่วยกรุณาแทรกภาพประกอบด้วยค่ะ

เที่ยวบินเที่ยวพิเศษสู่พุทธคยา

อีก ๒ วันแล้วซินะ จะถึงวันที่ ๓๐ ม.ค. ๕๑ ที่จะได้เริ่มเดินทางไปกับเที่ยวบินเที่ยวพิเศษจากสุวรรณภูมิสู่พุทธคยาที่ว่าเป็นเที่ยวบินเที่ยวพิเศษ เพราะเที่ยวบินเที่ยวนี้ได้นำศรัทธาจากผู้ที่ได้ศึกษาและเข้าใจพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในรูปของผอบเจดีย์แก้วประดับด้วยทองคำ และอัญมณีมีค่าถวายเป็นพุทธบูชา เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอัครสาวกทั้งสองพระองค์ ที่ชัยยะศรีวิหาร ณ สมาคมมหาโพธิ์แห่งประเทศอินเดีย เมืองพุทธคยา

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๐ หลังจากที่คณะของมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนากลับจากการไปมนัสการสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย ดิฉันได้ไปฟังธรรมในวันเสาร์ จึงได้ทราบว่า ในการไปนมัสการสังเวชนียสถานที่พุทธคยาครั้งนี้ ทางมูลนิธิฯ ได้ขอโอกาสสร้างผอบเจดีย์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุพระอัครสาวกทั้งสองที่เหมาะสมถวายและทางสมาคมหาโพธิ์ฯ ก็ให้โอกาสอันมีค่านั้น พระบรมสารีริกธาตุองค์นี้ได้ถูกขุดพบในผอบทองคำ บริเวณเจดีย์สถาน เมืองมหิยังกานา ประเทศศรีลังกา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ และได้นำมาประดิษฐาน ณ เมืองแคนดี้ ประเทศศรีลังกา และย้ายมาประดิษฐานที่เมืองเชนนัย กรุงเดลี ใน พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวอินเดียได้นมัสการ

ส่วนพระธาตุของอัครสาวกทั้งสองนั้น ถูกค้นพบใต้ฐานเจดีย์ในหมู่บ้านสทัตหาร ห่างจากเมืองสัญจี ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร ใน ปี พ.ศ. ๒๓๙๔ โดยเซอร์อเลกซานเดอร์ คันนิ่งแฮม และได้นำประดิษฐานที่ พิพิธภัณฑ์วิกทอเรีย และอัลเบิร์ต ประเทศอังกฤษ เป็นเวลาถึง ๙๐ ปี ในปี ๒๔๙๑ ได้อัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วิหารที่มหาโพธิสมาคม เมืองกัลกัตตา และในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ได้นำมาพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของ พระอัครสาวกทั้งสอง ประดิษฐานที่ชัยยะศรีมหาโพธิมหาวิหาร ณ มหาโพธิ์สมาคมแห่งประเทศอินเดีย เมืองพุทธคยา และท่านอาจารย์ได้บอกว่า เมื่อสร้างผอบเจดีย์เรียบร้อยแล้ว ทางมูลนิธิก็จะนำไปถวายที่พุทธคยาในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๑

ดิฉันนึกอธิษฐานในใจว่า ขอให้มีโอกาสได้ร่วมเดินทางไปถวายด้วยเถิด ทั้งๆ ที่โอกาสดูจะมืดมน คงต้องอาศัยบุญกุศลที่ทำไว้ช่วย และในที่สุดบุญกุศลนั้นก็ช่วยจริงๆ ทำให้ดิฉันได้มีโอกาสสมทบทุนทรัพย์ และเครื่องประดับเล็กน้อย ร่วมในการสร้างผอบเจดีย์และได้ร่วมไปถวายด้วย

เมื่อข่าวการสร้างผอบเจดีย์นี้แพร่หลายออกไป ก็มีผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพย์และเครื่องประดับจำนวนมาก จนต้องมีกำหนดเวลาปิดรับบริจาคเครื่องประดับ เพราะช่างจะได้ออกแบบ ตามอัญญมณีที่มี ได้ทราบว่า มีผู้บริจาคเพชรหนักเม็ดละ ๑ กะรัต จำนวน ๓ เม็ด (เดาได้ไหมคะว่าท่านคือใคร) เข็มขัดทองคำ และอื่นๆ อีกมาก

ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน และที่สำคัญที่สุด คือ ผู้ที่มีศรัทธา และความสามารถ ได้อุทิศแรงกาย และมันสมองจนได้ผอบเจดีย์ที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ตามที่ดิฉันทราบ ท่านคือ พลตรี ดร. วีระ พลวัฒน์ และถ้ามีท่านอื่นๆ อีกที่ไม่ทราบ ก็ขออภัยด้วย ดิฉันขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ (กราบบ่อยไปหน่อยนะคะ แต่อยากจะกราบไปเรื่อยๆ จริงๆ ค่ะ)

ในการประชุมชี้แจงการเดินทางวันนี้ ทำให้ทราบว่า เดิมนั้นคิดว่าจะมีผู้ร่วมไปถวายได้เพียง ๒๐ ท่าน แต่ต่อมาสามารถเพิ่มที่นั่งในเครื่องบินได้อีกเป็น ๕๗ ท่าน และเมื่อติดต่อเลื่อนเป็นชั้นธุรกิจ สำหรับท่านที่สามารถจ่ายได้ ก็ทำให้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด ๑๐๐ ท่าน เท่ากับจำนวนพระสงฆ์ในพิธีทำบุญพอดี ท่านอาจารย์บอกว่า การเดินทางไปอินเดียครั้งนี้ แตกต่างจากครั้งอื่นๆ เพราะการไปครั้งนี้เป็นการถวายผอบเจดีย์แก้วเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง ซึ่งมาจากศรัทธาของชาวคณะมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ดิฉันจึงรู้สึกปีติมากที่มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์สำคัญนี้

เมื่อประชุมเสร็จ ดิฉันได้รับย่ามปักตรามูลนิธิ ฯ ที่พี่ดวงเดือน บารมีธรรม แจกให้ทุกคน เพื่อนำไปถวายพระในพิธีทำบุญงานครบรอบ ๑ ปี ชัยยะศรีมหาโพธิวิหาร และการเฉลิมฉลอง การประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ ณ สมาคมมหาโพธิ์แห่งประเทศอินเดีย เมืองพุทธคยา ในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ท่านบอกว่าให้ใส่ของที่สมควรแก่พระสงฆ์ในย่าม ดิฉันคงต้องเตรียมจัดหา สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ผงซักฟอก รองเท้า ปากกา ยาตำราหลวง และอื่นๆ อีก รู้สึกดีมากๆ ที่ได้ทำกุศลครั้งนี้ ขออุทิศส่วนกุศลแก่ทุกท่านด้วยค่ะ

ดิฉันขอตัวไปจัดเตรียมของทำบุญก่อนนะคะ เมื่อไปถึงแล้ว คงมีโอกาสเล่าให้ฟังอีกค่ะ