หากทราบว่าท่านๆ หนึ่งเป็นโสดาบันบุคคล ควรทำอย่างไรให้เกิดผลดีสูงสุด

 
ฉลาม
วันที่  21 มี.ค. 2553
หมายเลข  15773
อ่าน  1,971
หากเราทราบว่าท่านๆ หนึ่งเป็นโสดาบันบุคคล จากการเรียนรู้ ต่างๆ และได้สัมผัสต่างๆ ตามลำดับขั้นมาจากผู้ที่รู้จริงยืนยัน (วิปัสสนากรรมฐาน) ทราบด้วยตัวเรา เราควรทำอย่างไรให้เกิดผลดีสูงสุดกับตัวเราได้บ้างครับ

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 22 มี.ค. 2553
ในสมัยครั้งพุทธกาลพุทธบริษัทได้ทราบจากการพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าว่า ท่านใด เป็นพระอรหันต์ เป็นพระอนาคามี พระสกทาคามี พระโสดาบัน การกระทำการสักการะบูชา ถวายอาหารจตุปัจจัย กับพระอริยเจ้าเหล่านี้มีผลมีอานิสงส์มาก อนึ่งการคบหา การสมาคม การประพฤติปฏิบัติตามท่านเหล่านี้ นำมาซึ่งความสุข ความเจริญ ไม่มีความเสื่อม ย่อมถึงที่สุดทุกข์ตามท่านได้ แต่ในยุคนี้ ใครจะรู้ว่าใครเป็นพระอริยบุคคลขั้นไหน ผู้นั้นต้องบรรลุความเป็นพระอริยขั้นนั้นก่อนจึงรู้ได้ ถ้ายังไม่บรรลุย่อมรู้ไม่ได้ครับ แต่คนอื่นจะเป็นอริยะหรือไม่ใช่อริยะก็ตาม การสำรวมระวังกาย ระวังวาจา ระวังความคิดของเราเป็นการดี ไม่ควรเบียดเบียน ไม่ควรถือเอาทรัพย์ ไม่ควรก้าวล่วงบุตรภริยาบุคคลอื่น ไม่ควรโกหก ไม่ควรด่าว่า ไม่ควรพูดส่อเสียด ไม่ควรพูดคำหยาบคาย ไม่ควรพูดพ้อเจ้อ ไม่ควรมีอภิชฌา ไม่ควรมีพยาบาท ไม่ควรมีความเห็นผิดจากความเป็นจริง..
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
jaran
วันที่ 23 มี.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
พงศ์ศิริ
วันที่ 23 มี.ค. 2553

ครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนได้สมาคมกับมูลนิธิฯ เคยเข้าใจว่าท่านผู้หนึ่งเป็นพระอรหันต์

แต่พอมาฟังท่านอาจารย์ จึงคิดว่า เรายังเข้าใจคลาดเคลื่อน เพียงสังเกตดูไม่อาจรู้ว่า

ใครบรรลุธรรม

ท่านอาจารย์สุจินต์ พูดบ่อยๆ ว่า อย่าเพ่งโทษผู้อื่น ให้พิจารณาธรรมที่กำลัง

เกิดกับตนเอง เป็นคำที่น่าจะออกมาจากบุคคลผู้ประเสริฐ ก็แอบทึกทัก (อีกแล้ว) ว่า

หรือท่านอาจารย์ของเราจะ......

เวลาที่อารมณ์ขุ่นมัวโดยเกิดจากมโนทวารล้วนๆ (คือคิดขึ้นมาแล้วเป็นทุกข์)

ก็รู้สึกว่าต้องการที่พึ่ง ระหว่างนั้นรู้สึกแย่มากๆ ความคิดหนึ่งที่แทรกเข้ามาคือเป็นพระ

อริยะคงไม่มีกิเลสอย่างนี้กระมัง

คิดถึงท่านอาจารย์ค่ะ

เช่นนี้

ท่านอาจารย์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 23 มี.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร อย่างไร ไม่สำคัญที่ตัวเรา เริ่มจากความเข้าใจพระธรรมของเรา

เป็นสำคัญ พิจารณาเหตุผลในสิ่งทีได้ฟัง เทียบเคียงกับพระธรรมวินัย ไม่เชื่อก่อนแต่

พิจารณาไตร่ตรองตามเหตุผลที่พระธรรมของพระพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งการจะรู้ว่า

บุคคลใดเป็นอย่างไร เราต้องมีความเข้าใจถูกเป็นสำคัญก่อนครับ จึงสามารถแยกแยะ

ว่าหนทางที่ถูก ถูกคืออย่างไร หนทางที่ผิด ผิดคืออย่างไร ปัญญาจึงไม่ใช่การเปรียบ

เทียบ เทียบเคียงหรือตรงกับจริตแล้วจะถูกต้องเป็นปัญญา แต่ต้องเป็นเรื่องของ

เหตุผล เรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ สำคัญที่ตัวเราครับ หากมีความเข้าใจถูกแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะทำอย่างไรกับใคร กาย วาจาและใจย่อมน้อมไปในทางที่ถูก

ต้องและสมควรมากขึ้นตามกำลังของปัญญาครับ สะสมปัญญาของตนเองสำคัญที่สุด ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 23 มี.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
bsomsuda
วันที่ 23 มี.ค. 2553

...หากมีความเข้าใจถูกแล้ว

ไม่ต้องห่วงว่าจะทำอย่างไรกับใคร

กาย วาจาและใจย่อมน้อมไปในทางที่ถูกต้องและสมควรมากขึ้น

ตามกำลังของปัญญาครับ..


ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Thirachat.P
วันที่ 29 มี.ค. 2553

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
เมตตา
วันที่ 29 มี.ค. 2553


การสำรวมระวังกาย ระวังวาจา ระวังความคิดของเราเป็นการดี ไม่ควรเบียดเบียน ไม่ควรถือเอาทรัพย์ ไม่ควร...

....กราบอนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
napachant
วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Preawpraw
วันที่ 15 ก.ค. 2553

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wkedkaew
วันที่ 15 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
พุทธรักษา
วันที่ 15 ก.ค. 2553

".........ในยุคนี้ ใครจะรู้ว่าใครเป็นพระอริยบุคคลขั้นไหน ผู้นั้นต้องบรรลุความเป็นพระอริยขั้นนั้นก่อนจึงรู้ได้....... แต่คนอื่นจะเป็นอริยะหรือไม่ใช่อริยะก็ตาม การสำรวมระวังกาย ระวังวาจา ระวังความคิดของเราเป็นการดี..."...................ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
homenumber5
วันที่ 18 ก.ค. 2553

ขอสนับสนุนความเห็นที่4+6ค่ะ

ที่สำคัญคือการฟังพระรรมให้ข้าใจและเกิดปัญญาแล้ว กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ย่อมน้อมไปในทางที่ถูกต้องและสมควรมากขึ้น

ตามกำลังของปัญญาครับ.. ขออนุโมทนา


 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ