หากทราบว่าท่านๆ หนึ่งเป็นโสดาบันบุคคล ควรทำอย่างไรให้เกิดผลดีสูงสุด
ครั้งหนึ่งในชีวิตก่อนได้สมาคมกับมูลนิธิฯ เคยเข้าใจว่าท่านผู้หนึ่งเป็นพระอรหันต์
แต่พอมาฟังท่านอาจารย์ จึงคิดว่า เรายังเข้าใจคลาดเคลื่อน เพียงสังเกตดูไม่อาจรู้ว่า
ใครบรรลุธรรม
ท่านอาจารย์สุจินต์ พูดบ่อยๆ ว่า อย่าเพ่งโทษผู้อื่น ให้พิจารณาธรรมที่กำลัง
เกิดกับตนเอง เป็นคำที่น่าจะออกมาจากบุคคลผู้ประเสริฐ ก็แอบทึกทัก (อีกแล้ว) ว่า
หรือท่านอาจารย์ของเราจะ......
เวลาที่อารมณ์ขุ่นมัวโดยเกิดจากมโนทวารล้วนๆ (คือคิดขึ้นมาแล้วเป็นทุกข์)
ก็รู้สึกว่าต้องการที่พึ่ง ระหว่างนั้นรู้สึกแย่มากๆ ความคิดหนึ่งที่แทรกเข้ามาคือเป็นพระ
อริยะคงไม่มีกิเลสอย่างนี้กระมัง
คิดถึงท่านอาจารย์ค่ะ
เช่นนี้
ท่านอาจารย์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ไม่ว่าใครจะเป็นอะไร อย่างไร ไม่สำคัญที่ตัวเรา เริ่มจากความเข้าใจพระธรรมของเรา
เป็นสำคัญ พิจารณาเหตุผลในสิ่งทีได้ฟัง เทียบเคียงกับพระธรรมวินัย ไม่เชื่อก่อนแต่
พิจารณาไตร่ตรองตามเหตุผลที่พระธรรมของพระพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งการจะรู้ว่า
บุคคลใดเป็นอย่างไร เราต้องมีความเข้าใจถูกเป็นสำคัญก่อนครับ จึงสามารถแยกแยะ
ว่าหนทางที่ถูก ถูกคืออย่างไร หนทางที่ผิด ผิดคืออย่างไร ปัญญาจึงไม่ใช่การเปรียบ
เทียบ เทียบเคียงหรือตรงกับจริตแล้วจะถูกต้องเป็นปัญญา แต่ต้องเป็นเรื่องของ
เหตุผล เรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ สำคัญที่ตัวเราครับ หากมีความเข้าใจถูกแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าจะทำอย่างไรกับใคร กาย วาจาและใจย่อมน้อมไปในทางที่ถูก
ต้องและสมควรมากขึ้นตามกำลังของปัญญาครับ สะสมปัญญาของตนเองสำคัญที่สุด ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
...หากมีความเข้าใจถูกแล้ว
ไม่ต้องห่วงว่าจะทำอย่างไรกับใคร
กาย วาจาและใจย่อมน้อมไปในทางที่ถูกต้องและสมควรมากขึ้น
ตามกำลังของปัญญาครับ..
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
การสำรวมระวังกาย ระวังวาจา ระวังความคิดของเราเป็นการดี ไม่ควรเบียดเบียน ไม่ควรถือเอาทรัพย์ ไม่ควร...
....กราบอนุโมทนาค่ะ...
".........ในยุคนี้ ใครจะรู้ว่าใครเป็นพระอริยบุคคลขั้นไหน ผู้นั้นต้องบรรลุความเป็นพระอริยขั้นนั้นก่อนจึงรู้ได้....... แต่คนอื่นจะเป็นอริยะหรือไม่ใช่อริยะก็ตาม การสำรวมระวังกาย ระวังวาจา ระวังความคิดของเราเป็นการดี..."...................ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ