พีชคามและภูตคาม [มหาวิภังค์]
[เล่มที่ 4] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ หน้าที่ ๒๗๖
อธิบายพีชคามและภูตคาม
จริงอยู่ ในภูตคามสิกขาบทนี้ มีวินิจฉัยกถา ดังต่อไปนี้ภิกษุพรากภูตคาม เป็นปาจิตตีย์ พรากพีชคามแม้ทั้ง ๕ อย่าง อันนอกจากภูตคาม เป็นทุกกฏ ชื่อว่า พีชคามและภูตคามนี้ อยู่ในน้ำก็มี อยู่บนบกก็มี บรรดาพีชคามและภูตคามที่อยู่ในน้ำและบนบกทั้งสองนั้น พีชคามและภูตคามที่อยู่ในน้ำ คือเสวาลชาติ (สาหร่าย) ทั้งที่มีใบและไม่มีใบทั้งหมดมีชนิดเช่นแหนและจอก เป็นต้น โดยที่สุดกระทั่งฝ้าน้ำ (ตระไคร้น้ำ)
บัณฑิตพึงทราบว่า ภูตคาม ชื่อว่าฝ้าน้ำ (ตระไคร้น้ำ) ข้างบนแข็ง มีสีกร้านข้างล่างอ่อน มีสีเขียว
บรรดาเสวาลชาตินั้น รากของสาหร่ายใดหยั่งลงไปอยู่ในแผ่นดิน แผ่นดินเป็นฐานของสาหร่ายนั้น น้ำเป็นฐานของสาหร่ายที่ลอยไปมาบนน้ำเป็นปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้พรากภูตคามที่อยู่ในแผ่นดินในที่ใดที่หนึ่งก็ดี ยกขึ้นย้ายไปสู่ที่อื่นก็ดีเป็นปาจิตตีย์แก่ภิกษุผู้พรากภูตคามที่ลอยไปมาบนน้ำเหมือนกัน แต่จะเอามือทั้งสองแหวกไปทางโน้นทางนี้ แล้วอาบน้ำ ควรอยู่
แท้จริงน้ำทั้งสิ้นเป็นฐานของสาหร่ายที่อยู่ในน้ำนั้น เพราะเหตุนั้น สาหร่ายนั้น ยังไม่จัดว่าเป็นอันภิกษุย้ายไปสู่ที่อื่น ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ แต่จะแกล้งยกขึ้นจากน้ำโดยเว้นน้ำเสียไม่ควรยกขึ้นพร้อมทั้งน้ำ แล้ววางลงในน้ำอีก ควรอยู่สาหร่ายออกมาทางช่องผ้ากรองน้ำ ควรให้ทำกัปปิยะก่อน จึงบริโภคน้ำ
ภิกษุถอนเถาวัลย์และหญ้าที่เกิดในน้ำ มีกออุบลและกอปทุมเป็นต้น ขึ้นจากน้ำก็ดี พรากเสียในน้ำนั้นเองก็ดี เป็นปาจิตตีย์ พรากกออุบลและกอปทุมเป็นต้นที่คนอื่นถอนขึ้นไว้แล้ว เป็นทุกกฏ
จริงอยู่ กออุบลและปทุมเป็นต้น ที่คนอื่นถอนขึ้นไว้นั้น ย่อมถึงรากสงเคราะห์เข้าในพีชคาม แม้สาหร่ายคือจอกและแหน ที่เขายกขึ้นจากน้ำแล้ว ยังไม่เหี่ยว ย่อมถึงซึ่งอันสงเคราะห์เข้าในพืชที่เกิดจากยอด
ในอรรถกถามหาปัจจรี เป็นต้น ท่านกล่าวไว้ว่า แหน ไม่มีรากและหน่อและตระไคร้น้ำ เป็นต้น เป็นวัตถุแห่งทุกกฏ เหตุในคำนั้นไม่ปรากฎในอันธกอรรถกถา ท่านกล่าวไว้ว่า ยังไม่เป็นภูตคามที่สมบูรณ์ เหตุนั้นจึงเป็นทุกกฏ แม้คำในอันธกอรรถกถานั้น ก็ไม่สมกัน (กับพระบาลี)
จริงอยู่พระผู้มีพระภาคเจ้าปรับปาจิตตีย์ในเพราะภูตคาม ปรับทุกกฏในเพราะพีชคาม
ฯลฯ