วิปัสสนาภาวนา - ตอนที่ ๓.
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อความบางตอน จากหนังสือ
ปรมัตถธรรมสังเขป ฯโดย
อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
การเจริญสมถ-ภาวนา และ การเจริญวิปัสสนา-ภาวนาต่างกันที่ "อารมณ์" และ "ระดับขั้นของปัญญา"
"สมถ-ภาวนา" มี "อารมณ์" ที่ มหากุศลญาณสัมปยุตตจิต พิจารณาแล้ว สงบ จนตั้งมั่นแน่วแน่ที่ อารมณ์นั้น อารมณ์เดียว
"วิปัสสนา-ภาวนา" มี "ปรมัตถอารมณ์" เป็นอารมณ์ที่ มหากุศลญาณสัมปยุตตจิต เริ่มพิจารณา-บ่อยๆ เนืองๆ จนรู้ (ตามความเป็นจริง) ว่า สภาพธรรม (ที่กำลังปรากฏ) แต่ละอย่างๆ "ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน" (ปรมัตถอารมณ์ คือ นามธรรม และ รูปธรรม ที่เกิดขึ้น ปรากฏ แล้วดับไป)
"ผล" ของ "สมถ-ภาวนา" (สูงสุด) ทำให้เกิดเป็นพรหมบุคคล ใน พรหมภูมิ
.
"ผล" ของ "วิปัสสนา-ภาวนา" ทำให้ ปัญญา (เจตสิก) รู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง (อริยสัจจธรรม) และ (เป็นปัจจัยทำให้) ดับกิเลส (แต่ละระดับ) เป็นสมุจเฉทตาม (ลำดับ) ขั้นของ "โลกุตตรมัคคจิต" ซึ่ง (โลกุตตรมัคคจิตแต่ละขั้น) มี "นิพพาน" เป็นอารมณ์ จนถึง "อรหัตตมัคคจิต" ซึ่ง (ทำกิจ) ดับกิเลสหมดไม่เหลือเลย
การดับกิเสหมดไม่เหลือเลย คือ "ผล" ของ วิปัสสนา-ภาวนา ขั้นสูงสุด) ซึ่งเป็นการ "ดับสังสารวัฏฏ์" คือ ไม่เกิดอีกเลย
ขออนุโมทนา