กรรมเป็นสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่ครับ
นโม สพฺพสมฺพุทฺธานํ อุปฺปนฺนานํ มเหสินํ
สวัสดี ครับ ทุกท่าน ขอร่วมสนทนา ครับ.
สิ่งมีชีวิตในที่นี้ ท่านผู้ถาม คงหมายถึง สัตว์ ปาณา ภูตา ชีวิกา ครับ.
ดังนั้น ถ้าตอบโดยโวหารโลก เจตนานั้น เป็นสิ่งมีบัญญัติที่ใช้เรียกว่า สิ่งมีชีวิต สัตว์ ปาณา ภูตา ชีวิกา ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ที่ไม่ใช่นามธรรม (บัญญัติ) .
คำถามนี้ มีอีกสำนวนว่า "สัตว์ คน บุคคล กับเจตนา เป็นอันเดียวกัน หรือคนละอย่างกัน"?
เมื่อว่าโดยปรมัตถ์แล้ว เราไม่ควรเรียกปนกัน ระหว่าง บัญญัติ กับ ปรมัตถ์ จะทำให้สับสนง่าย, เพราะเจตนาไม่เป็นสิ่งมีชีวิต คือ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ บุคคล ครับ.
ข้อความ..เจตนาไม่เป็นสิ่งมีชีวิต คือ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ บุคคล ครับ.
ขอร่วมสนทนาด้วย..ดังนี้เจตนาเจตสิกเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงเป็นปรมัตถธรรม..นามบัญญัติ...ว่าเจตนาเจตสิก..สัตว์ บุคคลเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงเป็นบัญญัติเจตนาหมายถึงเจตนาเจตสิกเป็นนามธรรมเป็นสภาพรู้สิ่งที่มีชีวิตไม่มี..เจตนาเจตสิกมีหรือไม่..มีเช่น..พวกอสัญญีพรหมกรรมหมายถึงเจตนาเจตสิกถ้าไม่มีเจตนาเจตสิก...จะมีกรรมไหมดังนั้น.เพราะมี.สิ่งมีชิวิตที่มีเจตนาเจตสิกจึงมีกรรมดีและกรรมชั่วสื่งไม่มีชีวิตไม่มีนามธรรม..ไม่มีเจตนาเจตสิก...จึงไม่มีกรรมดีและกรรมชั่ว
เจตนาที่ใช้ทั่วไปในชีวิตประจำวันจะหมายถึงเจตนาเจตสิกที่เกิดร่วมกับกุศลจิตหรืออกุศลจิตและกรรมหมายถึง"การกระทำ" ได้แก่ กระทำทางกาย เรียก กายกรรม ทางวาจา เรียก วจีกรรม และทางใจ เรียก มโนกรรมดังนั้นข้อความที่ว่า..แค่มีเจตนาก็เป็นกรรมแล้วหรือครับ น่าจะหมายถึงเจตนาเจตสิกที่เกิดร่วมกับอกุศลจิตหรือกุศลจิตแต่ยังไม่ล่วงทางกาย ทางวาจา..เป็นมโนกรรม..........................................................................................................................
เจตนาเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวงคือ วิบากจิต กิริยาจิต กุศลจิต อุศลจิต เรียกว่า
กัมมปัจจัยเจตนาเจตสิกที่เกิดกับ วิบากจิตและกิริยาจิต กระทำหน้าที่ร่วมกับวิบากเจตสิกอื่นๆ แล้วดับไปไม่ทำให้เกิด กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม เรียก เจตนาเจตสิกนั้นว่า สหชาตกัมมปัจจัย แต่เจตนาเจตสิกที่เกิดกับกุศลจิตหรืออกุศลจิตหากล่วงเป็นกรรมบถอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วดับไปแล้วให้ผล เจตนาเจตสิกนั้นเรียกว่านานักขณิกกัมมปัจจัย..........................................................................................................................
กรรมในพระไตรปิฏกละเอียดและน่าสนใจมากหากสนใจลองศึกษาจากพระไตรปิฎกเพิ่มเติมนะคะ....ขออนุโมทนา
ผมสนใจครับขอถามร่วมด้วยว่า จิตมีชีวิตหรือไม่ครับท่านวิทยากร
ผมสนใจครับขอถามร่วมด้วยว่า จิตมีชีวิตหรือไม่ครับท่านวิทยากร
ชีวิตคือขณะจิตไม่ใช่หรอค่ะ?
เราก็ตายทุกขณะจิต แล้วก็เกิดทุกขณะจิต ครับ
ผมเห็นว่าเราควรพิจารณาถึงปรมัตถธรรม 4 ให้ดีนะครับ
ปรมัตถธรรม 4 สิ่งที่เป็นสาระ เนื้อแท้ แก่น ของธรรมชาติ
ไม่มีอะไรนอกเหนือจากปรมัตถธรรม 4 นี้
แม้จักรวาลอันกว้างใหญ่ก็อยู่ในปรมัตถธรรม 4 นี้
จะมีอะไร อะไรจะเป็นอะไร อะไรจะมีอะไรนั้น
ย่อมตกอยู่ใน 4 อย่างนี้ครับ คือรูป จิต เจตสิก นิพพาน
"เราลองพิจารณาเถิดครับว่า
ชีวิต เป็นปรมัตถธรรมอะไร
กรรมดี กรรมชัว เป็นปรมัตถธรรมอะไร"
ถ้าเราไม่ใคร่ครวญอย่างละเอียด ไม่ตรงต่ออรรถและพยันชนะ
ผมเห็นว่าเราอาจไปกำหนด หรือสนใจ หรือเข้าใจ ในสิ่งที่ไม่มีจริงอยู่ก็ได้ครับ
ถ้าเรารู้จักกรรม เราย่อมบอกได้ว่ากรรมคืออะไร
ถ้าเรารู้จักชีวิต เราก็ย่อมบอกได้ว่าชีวิตเป็นอะไร
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ควรแยกระหว่างปรมัตถสัจจะและสมมติสัจจะ ความจริงแท้ที่เป็นสภาพธรรมกับความ
จริงโดยสมมติ สภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม (ปรมัตถสัจจะ) ไม่ใช่สัตว์
บุคคล แต่เป็นเพียงสภาพธรรม จิตเป็นสภาพธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล เจตสิกเป็นสภาพ
ธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล เจตนาเป็นเจตสิกเป็นสภาพธรรมไม่ใช่สัตว์ บุคคล แต่เพราะมี
สภาพธรรม มีจิต เจตสิก รูปจึงบัญญัติ สมมติว่ามีสัตว์ บุคคล เป็นสิ่งมีชีวิต หากไม่มี
สภาพธรรมแล้วก็จะไม่มีสัตว์ บุคคล จะมีสิ่งมีชีวิตไม่ได้เลย ดังนั้นสภาพธรรมที่เป็น
ปรมัตถธรรมไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแต่เพราะอาศัยสภาพธรรมธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมจึงบัญญัติ
ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตได้ครับ ซึ่งก็แล้วตามสมควรว่ามีปรมัตถธรรมหรือสภาพธรรมใดอะไรจึง
บัญญัติว่าเพราะมีสภาพธรรมนี้จึงบัญญัติสมมติว่ามีชีวิต ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์