อายุบวร ... ศรีลังกา 13 โปโลนนารูวา

 
kanchana.c
วันที่  10 เม.ย. 2553
หมายเลข  15866
อ่าน  2,303

โปโลนนารูวา

วันนี้เป็นเช้าที่ ๒ ในศรีลังกา ต้องเตรียมจัดกระเป๋าย้ายโรงแรม หลังจากนอนริม มหาสมุทรมา ๒ คืนแล้ว แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่เมื่อจัดกระเป๋าย้ายโรงแรมแต่ละ แห่งนั้น ไม่มีความรู้สึกอาลัยอาวรณ์อะไร คงเพราะรู้แน่แก่ใจว่า โรงแรมไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงที่พักชั่วคราวในการท่องเที่ยวครั้งนี้เท่านั้น แต่ทำไมเมื่อจัดกระเป๋าออกจาก บ้าน ถึงมีแต่ความห่วงกังวล กลัวต้นไม้จะตาย กลัวของจะหาย กลัวขโมยจะขึ้นบ้าน กลัวไฟฟ้าลัดวงจร กลัวน้ำจะรั่ว สารพัดจะเกิดความวิตกกังวล คงเป็นเพราะยึดมั่นใน บ้านว่าเป็นของเรา และจะต้องยั่งยืนมั่นคงเป็นของเราอย่างนี้ตลอดไป ไม่เชื่อที่พระผู้มี พระภาคทรงแสดงไว้ด้วยพระสัพพัญญุตญาณ ที่ประกอบด้วยปุพเพสานุสติญาณ การ ระลึกชาติได้เป็นอันมาก ที่ทรงประจักษ์ด้วยพระองค์เอง ไม่ใช่การคาดเดาว่า ใน สังสารวัฏฏ์อันยาวไกลนั้น โลกนี้ก็เป็นเพียงที่พักชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อสิ้นความเป็น บุคคลนี้แล้ว ก็จะไม่ย้อนกลับมาเป็นบุคคลเดิมที่มีบ้านหลังเดิม มีพ่อแม่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงชุดเดิมเลย ถ้าทำใจได้ น้อมคิดตามที่ทรงแสดงไว้ว่าบ้านเป็นโรงแรม ที่พักชั่ว คราว ก็คงจะสบายใจมากกว่านี้ แม้จะยังไม่ประจักษ์อย่างที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ ก็ตาม

หลังจากได้สวดมนต์สรรเสริญพระรัตนตรัยแล้ว คุณขยันผู้เป็นมัคคุเทศก์ที่ขยันที่สุด ตั้งแต่เคยท่องเที่ยวมา ก็หยิบแผนที่เกาะลังกา มาชี้ให้ดูว่า เวลานี้อยู่ตรงนี้ กำลังจะเดิน ทางไปโปโลนนารูวา ที่อยู่อีกข้างหนึ่งของมหาสมุทร เมืองโปโลนนารูวา เป็นเมือง หลวงแห่งที่ ๒ ของศรีลังกา ต่อจากเมืองอนุราธปุระ ซึ่งเป็นเมืองหลวงแห่งแรก โปโลน นารูวาเป็นเมืองหลวงอยู่นาน ๑๕๐ ปี คุณขยันซึ่งอยู่เมืองไทยหลายปี และท่องเที่ยว ทั่วไทย จึงบอกว่า วันนี้จะพาไปสุโขทัย และไปนอนที่วัดหนองป่าพง

โปโลนนารูวาหรือสุโขทัยของคุณขยัน เป็นเมืองมรดกโลก มีพระราชวังโบราณ คล้ายๆ อยุธยา (สำหรับเราชาวอยุธยา) มีพระราชวังของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช มีเจดีย์รังโกฏ สร้างโดยพระเจ้านิสสังกามัลละ พระสถูปเจดีย์กิริเวเหร และที่สำคัญ คือ วิหารวัฏฏทาเค ซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว เพราะตามธรรมเนียมของศรี ลังกานั้น กษัตริย์ประทับอยู่ที่เมืองไหน จะต้องประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วไว้ที่เมืองนั้น

เมื่อถึงวิหารวัฏฏทาเค พวกเราได้สวดมนต์เพื่อแสดงความนอบน้อมพระรัตนตรัยเช่น เคย ที่นี้มีชาวศรีลังกามาเที่ยวชมกันมาก ก็มาร่วมสวดมนต์พร้อมกับพวกเราหลายคน

วันนี้อากาศร้อนมาก คงพอๆ กับเมืองไทยเมื่อลงบันไดพระราชวังมา ก็มีมะพร้าวที่ขึ้น ชื่อของศรีลังกา คือ คิงโคโคนัท สีเหลืองส้มวางขายเป็นทะลายๆ อยู่หลายร้าน คุณ ขยันเคยบอกว่า คิงโคโคนัทมีคุณสมบัติพิเศษกว่ามะพร้าวธรรมดาๆ มีแร่ธาตุ โปรตีน สารพัดอย่าง มีประโยชน์มาก แต่ห้ามรับประทานหลัง ๕ โมงเย็น เพราะจะทำให้เป็นไข้ เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นของเย็น พวกเราจึงซื้อมาชิม เขาเฉาะให้เราเลย พร้อมกับ หลอดดูด เมื่อดูดเข้าไปแล้ว ทั้งๆ ที่อากาศก็ร้อนมาก และกระหายน้ำมากด้วย ยังผิด หวัง คิดว่าจะหวานหอมเหมือนมะพร้าวน้ำหอมบ้านเรา ที่ไหนได้ รสเฝื่อนๆ เปรี้ยวๆ ไม่ หวานหอมเหมือนของเมืองไทยเลย ราคาก็ไม่ถูก ลูกละ ๓๐ รูปี (๑ บาท = ๓ รูปี) เมื่อ กินน้ำไม่อร่อย ก็ลองกินเนื้อ ก็ไม่อร่อยอีกเหมือนกัน คงจะต้องสาปส่งคิงโคโคนัทเสียที เพราะคราวก่อน มีคนบอกว่าน้ำมันคิงโคโคนัทรักษาผมร่วงได้ เราซื้อมา ๓ ขวด ขวด ละ ๙๐๐ บาท เพราะเขาบอกว่าหาซื้อยาก ผลปรากฏว่า จากคนผมไม่ดก กลายเป็นคน หัวล้านเพราะเจ้าน้ำมันคิงโคโคนัทนี่แหละ ขนาดใช้ไปได้แค่ครึ่งขวด ถ้าใช้หมดทั้ง ๓ ขวด คงไม่มีผมเหลือเลย

จากพระราชวังก็เดินไปชมกัลวิหาร (วิหารหิน) ที่อยู่ใกล้ๆ กัน เป็นงานประติมากรรม สลักหินเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางต่างๆ ได้แก่ ปางสมาธิ ปางประทับยืน และปาง ไสยาสน์ ที่งดงามมาก มีพุทธลักษณะคล้ายๆ กับพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่กล่าวกัน ว่า งามที่สุดในโลก ในพิพิธภัณฑ์เมืองสารนาถ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย ที่ดูอ่อน ช้อย ราวกับมีชีวิต มองดูแล้วน่าเลื่อมใสศรัทธามาก ผู้สร้างคงทำด้วยจิตที่เป็นกุศล ศรัทธา จึงสามารถทำให้หินที่แข็งกระด้างนั้น อ่อนช้อยราวกับมีชิวิตได้เช่นนี้

และเช่นเคย ได้สวดมนต์แสดงความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระ สงฆ์เหมือนทุกแห่ง ถ้าจิตเป็นกุศลขณะสวดมนต์ได้ ก็จะดีหรอก แต่ก็รู้ตัวเองว่า ขณะ สวด จิตก็คิดไปเรื่องอื่นๆ มากมาย คงแสดงความนอบน้อมได้ไม่ครบทั้งกาย วาจา และ ใจ แต่ก็ยังดีที่ยังได้แสดงออกทางกายและวาจาบ้างตามควรแก่กาล


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ออน
วันที่ 11 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาด้วยนะค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kanchana.c
วันที่ 11 เม.ย. 2553

ขอขอบคุณคุณวันชัย๒๕๐๔ (วันชัย ภู่งาม) ที่กรุณานำภาพที่เหมาะสมลงให้ทุกตอนค่ะ ขออนุโมทนาน้องคิม (ลูกชายคุณหมออาคม และคุณจิราภรณ์ ภิรมย์พานิช)

ตากล้องฝีมือดีมากที่นำภาพมาให้ ขออนุโมทนาที่ทำกุศลร่วมกัน ความจริงคุณวันชัย

ก็เขียนลงเหมือนกัน แล้วก็น่าสนใจมากด้วย แต่อยากจะเสนอมุมมองที่ต่างออกไป

เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านด้วยวิธีหลากหลายขึ้นค่ะ

พี่แดง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
aditap
วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ผิน
วันที่ 12 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 13 เม.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 20 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ING
วันที่ 20 เม.ย. 2553

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ