อายุบวร ... ศรีลังกา 15 อนุราธปุระ
อนุราธปุระ
ได้ยินชื่อ “อนุราธปุระ” มานานแล้ว ฟังแล้วรู้สึกเพราะดีและชอบมาก (เห็นความติด อย่างหนาแน่นของตนเองหรือไม่ ที่ติดทุกอย่างแม้กระทั่งชื่อ ความติดทำให้คิดต่อไป ว่า อาจจะเคยเกิดเป็นชาวอนุราธปุระ) อนุราธปุระเป็นเมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา และเป็นอยู่นานถึง ๑,๒๐๐ ปี จึงมีสถานที่สำคัญมากมาย
สถานที่แรกที่ไปนมัสการ คือ วิหารอิสุรุมุณิยะ (Issurumuniya) เป็นพระอารามแรกที่ ท่านพระมหินทเถระจำพรรษา จริงๆ แล้วก็คือ ถ้ำ นั่นเอง พระศรีลังกาในสมัยก่อนโน้น จะจำพรรษาอยู่ตามถ้ำ ภายในมีพระพุทธรูปปางต่างๆ และมีภาพประติมากรรมสลักบน แผ่นหิน มีอายุกว่า ๑,๕๐๐ ปี
หลังจากนั้นไปชมสถานที่สำคัญที่สุดของชาวพุทธศรีลังกาและทั่วโลก คือ วัดพระศรี มหาโพธิ์ เป็นที่ประดิษฐานต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่พระนางสังฆมิตตาเถรี พระภิกษุณี อรหันต์ พระธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช นำหน่อมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย เมื่อคราวที่พระเจ้าอโศกมหาราชโปรดให้ท่านมาบวชพระนางอนุฬา พระชายาของเจ้า ชายอภัย พระอนุชาของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ พระนางอนุฬาเป็นผู้มีดวงตาเห็น ธรรมคนแรกของเกาะลังกา
ก่อนไปกราบนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ เราแสดงความประสงค์จะถวายผ้าจีวร คุณ ขยันจึงพาไปกราบนมัสการเจ้าอาวาส ซึ่งท่านไม่ค่อยให้ใครได้พบ เพราะอาพาธ แต่ สำหรับคณะของคนไทยแล้ว ท่านยินดี (ตามที่คุณขยันเล่าให้ฟัง) ความเป็นคนไทยนี้มี ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั้งในศรีลังกาและอินเดีย สามารถสัมผัสได้ ท่านเจ้าอาวาสคุยกับ พวกเราเป็นเวลานานพอสมควร เมื่อรับศีล และถวายผ้าป่าแล้ว ก็ได้รับสิทธิพิเศษขึ้น ไปนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิ์ข้างบนเลย ส่วนคนศรีลังกาที่เข้าแถวยาวเหยียดนั้น นมัสการอยู่ชั้นล่าง แต่เขาก็มีมุทิตาจิต เห็นพวกเราถือจีวรที่จะนำไปถวายที่ต้นพระศรี มหาโพธิ์ ก็พากันกล่าวสาธุการกันอย่างทั่วหน้า
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้มีอายุยืนยาวกว่า ๒,๓๐๐ ปี เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนยาวที่สุดใน โลก เพราะชาวพุทธศรีลังกาช่วยกันรักษาเป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกทำลายเหมือนต้นเดิมที่ พุทธคยา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่เห็นกับตานั้น เป็นตอแห้งและมีกิ่งหนึ่งที่ยื่นออกมา มี เสาค้ำทำด้วยทองและเงินหลายเสา ส่วนต้นใหญ่ที่เห็นนั้นเป็นหน่อที่แตกออกไปอีกที หนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม นี่คือต้นไม้ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคพระองค์นี้ เป็นธงชัยของ พระสัทธรรม ทรงบำเพ็ญพระบารมีถึงสี่อสงไขยแสนกัป เพื่อการตรัสรู้นี้ เพื่อทรง ประกาศพระสัทธรรมให้ชาวโลกที่บำเพ็ญบารมีมาเช่นกันได้รู้แจ้งตามพระองค์ เพราะ พระธรรมที่ตรัสรู้นั้นสุขุมลุ่มลึก ยากที่ใครจะรู้ตามได้โดยง่าย จึงไม่สาธารณะสำหรับทุก คน นอกจากผู้ที่ได้สะสมปัญญามาพอสมควรเท่านั้นจึงจะเข้าใจตามได้บ้าง ตามกำลัง สติปัญญาของตน ดังนั้น แม้พระธรรมจะดีประเสริฐอย่างไร แต่บางคนก็ไม่สนใจศึกษา เลย และบางคนแม้จะศึกษาแล้วก็ยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด ปฏิบัติผิด คนอื่นจะเป็น อย่างไรก็ช่าง (ขอเห็นแก่ตัวหน่อย) ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจพระธรรม จนสามารถปฏิบัติ ตามได้อย่างถูกต้องด้วยเถิด (ขออีกแล้วตามความเคยชิน)
หลังจากนั้นก็เดินตามคุณขยันไปชมโลหปราสาทที่พระเจ้าปราการพหุมหาราชทรง สร้างขึ้นเมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ โลหปราสาทในโลกนี้มี ๓ แห่ง คือ ที่วัดบุพพาราม กรุงสาวัตถี ประเทศอินเดีย (ดูรายละเอียดใน อินเดีย ... แดนพุทธภูมิ) ที่กรุงอนุราธปุ ระ ที่เหลือแต่เสามากมาย ต้องจินตนาการเองว่าใหญ่โตสวยงามขนาดไหน และที่วัด ราชนัดดา กรุงเทพ ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างขึ้น เป็นโลห ปราสาทที่สมบูรณ์ที่สุด
ต่อจากนั้นก็เดินตามกันไปนมัสการเจดีย์รุวันเวลิสยะ หรือพระมหาเจดีย์สุวรรณมาลิก ที่พระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยทรงสร้างขึ้นหลังจากชนช้างชนะกษัตริย์ทมิฬ จึงเห็นรูปปั้น ช้างล้อมพระเจดีย์มากมาย เมื่อเห็นพระเจดีย์นี้แล้ว ก็เข้าใจข้อความในอรรถกถาที่พระ เจ้าเทวานัมปิยติสสะถวายดอกไม้ แล้วดอกไม้หล่นที่พื้น เกิดแผ่นดินไหว ท่านพระมหิ นทเถระก็พยากรณ์ว่า พระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย หลานของพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะจะ เป็นผู้สร้างเจดีย์ตรงสถานที่นี้ หน้าพระมหาเจดีย์มีรูปปั้นของพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์ผู้ทรงคุณธรรมสูงส่ง ท่านอาจารย์เคยนำเรื่องราวของท่านมาบรรยายให้ฟัง มี ข้อความบางตอนที่พอจำได้ว่า ท่านเป็นผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก ก่อนจะเสวยทุกมื้อ ท่านต้องถวายภัตตาหารแก่พระภิกษุสงฆ์ทุกครั้ง มีครั้งหนึ่งท่านรบ แพ้สงครามอยู่ในป่า มีแต่ตัวท่าน อำมาตย์ และม้าอยู่เท่านั้น และเสบียงอาหารก็มีเพียง เล็กน้อย ท่านให้แบ่งเป็น ๔ ส่วน เมื่ออำมาตย์ถามว่า ทำไมถึงแบ่ง ๔ ส่วน ในเมื่อมีผู้ รับประทานเพียง ๓ ท่านก็บอกว่า สำหรับพระภิกษุ ตัวท่าน อำมาตย์ และม้า อำมาตย์ก็ ถามว่า แล้วจะมีพระภิกษุจากที่ไหน ท่านจึงอธิษฐาน และพระภิกษุก็มารับภัตตาหาร จากท่าน ซึ่งเป็นกุศลที่เป็นครุกรรมของท่าน เป็นกุศลที่ท่านนึกถึงในเวลาใกล้จะสิ้น พระชนม์ เพราะทำให้เกิดปีติมากกว่าการสร้างพระมหาเจดีย์นี้เสียอีก (อาจจะคลาด เคลื่อน เพราะความจำก็ไม่แม่นยำแล้ว ถ้าผิด ผู้รู้จะช่วยกรุณาแก้ไขก็ดีค่ะ)
พระมหาเจดีย์เป็นทรงกองข้าว สูงใหญ่ ทาสีขาวบริสุทธิ์ เห็นเด่นเป็นสง่าอยู่เบื้อง หน้า เวลานี้ใกล้เที่ยงแล้ว อากาศร้อนจัดมาก จึงขอยืนนมัสการที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใกล้รูป ปั้นของพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย มีเพื่อนร่วมทางบางคนไปเดินประทักษิณรอบพระมหา เจดีย์ ซึ่งเป็นบริโภคเจดีย์ เป็นที่ประดิษฐานเครื่องบริขารของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ ขออนุโมทนาที่สามารถเดินบนหินกลางแดดได้ แต่ตอนออกมาเห็นวิ่งกระ หย่องกระแหย่ง คงจะได้บุญมากกว่าพวกเราที่อยู่ในร่มแน่ๆ
จากนั้นไปนมัสการสถานที่สำคัญที่สุดอีกแห่งของอนุราธปุระ คือ ถูปาราม เป็นพระ เจดีย์ที่พระเจ้าเทวานัมปยิติสสะสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระรากขวัญ (ไหปลาร้า) ของ พระผู้มีพระภาค ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชทรงประทานให้สุมนสามเณร พระโอรสของ พระนางสังฆมิตตาเถรี มาถวายพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ สถานที่นี้ยังเป็นที่ทำ สังคายนาครั้งที่ ๔ ในปี พ.ศ. ๒๓๖ ด้วย จากภาพถ่ายของถูปารามที่เห็นมากมายนั้น จะมีเสาอยู่มากมาย ได้ความว่า เดิมนั้นสร้างหลังคาให้ถูปาราม แต่ตัวหลังคาพังไป จึง เหลือแต่เสา สังเกตดูได้ว่า ที่ศรีลังกาจะไม่นิยมสร้างอาคารมีฝามิดชิดเหมือนเมือง ไทย แต่นิยมสร้างเป็นหลังคาเพื่อกันแดดกันฝนเท่านั้น
เมื่อไปถึงได้นำโคมประทีปและดอกบัวที่มัดขายเป็นกำๆ ไปเวียนประทักษิณรอบถูปา ราม ๓ รอบ รู้สึกร่มเย็น เมื่อนึกถึงประวัติของถูปารามที่อ่านจากอรรถกถา รู้สึกใกล้ชิด กับพระผู้มีพระภาค เพราะพระรากขวัญของพระองค์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระสรีระนั้น ประดิษฐานอยู่ที่นี่ ทำให้เห็นประโยชน์ของการศึกษาปริยัติมากขึ้น เพราะการศึกษาพระ สูตรและอรรถกถานั้นทำให้เกิดสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้เกิดศรัทธาปสาทะ ถ้าไม่รู้เรื่อง อะไรเลย ก็ไม่เกิดความปีติซาบซึ้งในพระคุณของพระรัตนตรัย
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ข้าพเจ้าขอถึง พระพุทธ พระธรรมและพระสงฆ์เป็นที่พึ่งตลอดไปในสังสารวัฏฏ์ที่สามารถจะเป็นไปได้ คือ เมื่อเกิดในภพภูมิที่มีโอกาสจะได้ฟังพระสัทธรรม