อายุบวร ... ศรีลังกา 17 สีคิริยา

 
kanchana.c
วันที่  11 เม.ย. 2553
หมายเลข  15876
อ่าน  2,118

สีคิริยา

วันพฤหัสที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๓ วันนี้เดินทางออกจากโรงแรมอมายาเลคแล้ว เพื่อเดิน ทางไปชมสีคิริยา ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกสมัยใหม่ ระยะทางห่างจาก โรงแรมไม่มากนัก เพราะระหว่างทางก็มองเห็นเขาสีคิริยาอยู่ไกลๆ เส้นทางเป็นถนน เล็กๆ เหมือนถนนในชนบท ผ่านทุ่งนา ป่าละเมาะ เห็นนกยูงและนกหลากหลายชนิด ด้วย

เมื่อพระเจ้าเทวานัมปิยติสสะเสด็จพระราชดำเนินมายังบริเวณนี้ ทรงพอพระทัยมาก จึงพระราชทานนามว่า สีหคีรี ซึ่งแปลว่าเขาสิงห์ และเป็นวัดถ้ำของพระภิกษุในพระ พุทธศาสนาหลายถ้ำ ปัจจุบันก็ยังมีร่องรอยอยู่ ที่น่ามหัศจรรย์ ก็คือมีการแกะหินให้เป็น หลืบขนาดเล็ก เหมือนเป็นกันสาด เพื่อให้น้ำฝนไม่สาดเข้าในถ้ำ แม้ฝนจะตกหนัก ใน ถ้ำก็ไม่เปียกเลย ช่างชาญฉลาดจริงๆ

ประวัติของสีคิริยานั้นไม่น่าชื่นชมนัก เพราะพระเจ้ากัสสปะ ซึ่งเป็นโอรสที่เกิดจาก มเหสีรองของพระเจ้าธาตุเสน ได้ทูลขอพระราชสมบัติจากพระราชบิดา ที่ตั้งใจยกให้ น้องชาย ที่เกิดจากอัครมเหสี คือ เจ้าชายโมคคัลลานะ เมื่อพระเจ้าธาตุเสนตรัสว่า สมบัติของเราอยู่ในทะเลสาบ ถ้าอยากจะได้ก็จะยกให้ เจ้าชายกัสสปะจึงโกรธจัด ผลัก พระราชบิดาตกลงไปในทะเลสาบ สิ้นพระชนม์ แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ เจ้า ชายโมคคัลลานะกลัวภัย จึงหนีไปอยู่ที่อินเดีย

เมื่อสถาปนาตนเองในปี พ.ศ. ๑๐๒๐ แล้ว ก็ย้ายที่ประทับจากเมืองอนุราธปุระ มาอยู่ที่ สิคิริยา เพราะกลัวภัย โดยใช้เวลาสร้างภูเขาให้เป็นพระราชวัง ที่มีเครื่องป้องกันภัย และสิ่งน่ารื่นรมย์มากมาย ตั้งแต่คูน้ำใหญ่รอบนอก ที่เลี้ยงจระเข้ไว้ป้องกัน และป้อม ปราการที่แน่นหนาแข็งแรง มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ทุกมุม ภายในสระนั้นมีน้ำพุด้วย และแต่ละสระจะมีห้องเล็กเป็นห้องลับอยู่ คุณขยันถามพวกเราว่า รู้ไหมว่ามีไว้ทำอะไร เราคิดว่าไว้เปลี่ยนเสื้อผ้า เหมือนสระว่ายน้ำในปัจจุบัน แต่ปรากฏว่า เป็นที่จะเสด็จ หายไปกับนางสนมที่พอพระทัยในขณะที่เล่นน้ำอยู่

เขาสิคิริยาสูงพอสมควร ต้องเดินแล้วหยุดพักหลายครั้ง มีชายหนุ่มศรีลังกาหลายคน มาอาสาช่วยจูงหรือพยุงให้ขึ้นไปข้างบน ด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง เป็นพันบาท เราจึง ปฏิเสธทุกครั้งที่เข้ามาจับแขน เลยโดนต่อว่า “you’re bad people.” รู้สึกโกรธ เหมือนกัน ความรู้สึกดีๆ ต่อคนศรีลังกาเกือบจะหมดไป ทั้งๆ ที่รู้ว่า เขาพูดอย่างนั้น เพราะโกรธ ที่เราทำให้เขาไม่มีรายได้ ซึ่งอาจจะสำคัญกับเขามากก็ได้ แต่ก็โกรธไป แล้ว ต่างคนต่างโกรธกัน แต่คนโกรธทีหลัง เลวกว่า เพราะเห็นกิริยาของคนโกรธก่อน ไม่น่าดูแล้ว ก็ยังโกรธตาม ลืมที่ท่านอาจารย์ย้ำบ่อยๆ อีกแล้วว่า โกรธก็เป็นสภาพธรรม อย่างหนึ่ง เกิดเพราะเหตุปัจจัย คือ ความเป็นตัวตนของเรานั่นเอง

ปีนเขาไปเกือบครึ่งทาง ก็ถึงจุดที่ให้ดูภาพวาดสีเฟรสโกอายุนานนับพันปี เป็นภาพ นางอัปสรที่สียังสดใสสวยงาม แม้ว่าส่วนใหญ่จะลบเลือนไปตามกาลเวลา แต่ก็ยัง เหลือให้ชมหลายภาพ เราไม่ได้ขึ้นไป เพราะเคยมาดูแล้วเมื่อครั้งก่อน เห็นบันไดเวียน สูงชันก็เลยยอมแพ้ นั่งคอยอยู่ข้างล่าง

เมื่อพวกที่ขึ้นไปดูมาพร้อมแล้ว ก็เดินเลียบเขาขึ้นสูงไปอีกจนถึงบริเวณที่เป็นขาสิงห์ ก่อนที่จะขึ้นถึงพระราชวังจริงๆ ซึ่งต้องขึ้นบันไดสูงชันอีกหลายขั้น ก็เลยหยุดรอที่ขา สิงห์นี่แหละ เพราะข้างบนก็เป็นแต่ซากหินที่มีคนชี้บอกให้รู้ว่า นี่เป็นเวทีแสดงระบำ มี สวนดอกไม้ มีสระน้ำ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน ถ้ายังไม่เคยเห็น เพราะอากาศข้างบนนั้นสดชื่น ดีมาก ที่จัดสีคิริยาว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ คงเพราะว่าใช้ความอุตสาหะในการสร้างมาก ใช้ เวลาเนรมิตภูเขาหินให้พระราชวังอันวิจิตรถึง ๗ ปี พระเจ้ากัสสปะถึงอยากเป็นกษัตริย์ เพราะมีอำนาจที่จะสั่งเนรมิตทุกอย่างที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่ประณีตอย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่พระราชอำนาจของใครๆ ไม่อาจบันดาลได้ ก็คือ ความสุขอันเกิดจากการหมดกิเลส ต้องเป็นธรรมทายาทของพระผู้มีพระภาคอรหันต สัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น จึงจะสามารถได้ความสุขที่เกิดจากการไม่มีกิเลสได้ เมื่อเสวยสุขที่ปะปนกับความกลัวภัยบนสิคิริยานานถึง ๑๑ ปี เจ้าชายโมคคัลลานะก็ ยกทัพจากอินเดียมาล้อมสิคิริยาไว้ สถานที่ปลอดภัยที่สุด ก็เลยกลายเป็นที่กักขัง พระองค์ไม่ให้หนีมาได้ จึงปลงพระชนม์ชีพตัวเอง สวรรคตไป ต้องทรงจากทุกสิ่ง ทุกอย่างที่สร้างไว้เพื่อความสุขของพระองค์ตลอดไป และบัดนี้ก็คงอยู่ในนรก เพราะ ทรงทำกรรมหนัก คือ ฆ่าบิดา

หลังจากนั้นสิคิริยาก็เป็นพระราชวังร้าง เป็นสิ่งยืนยันพระพุทธพจน์ที่ว่า “ตนย่อมไม่มี แก่ตน ทรัพย์และบุตรจะมีแต่ที่ไหน” วัดถ้ำที่เชิงเขาที่ทรงให้พระภิกษุออกไปอยู่ที่อื่น ก็ กลับมาเป็นวัดถ้ำอย่างเดิม

ออกจากสิคิริยาก็เดินทางไปแคนดี้ ซึ่งจะต้องผ่านมาตาเล ที่มีสวนสมุนไพรหลายแห่ง คุณขยันพาเราแวะไปสวนสมุนไพรร้านเดิม มีการนำผลิตภัณฑ์มาแสดง เห็นขวด น้ำมันคิงโคโคนัทก็นึกถึงความหลัง เลยไม่อยากซื้ออะไร แต่เมื่อไม่เห็นมีใครอุดหนุน ก็ เลยคิดจะช่วยซื้อยาหม่อง ปรากฏว่าขวดละ ๑,๘๐๐ รูปี (๖๐๐ บาท) เลยต้องเปลี่ยนใจ เพราะด้วยเงินเท่านี้ที่เมืองไทยซื้อยาหม่องได้เป็นโหล

คุณขยันคนช่างพูดเล่าว่า เมืองมาตาเลมีเศรษฐกิจดีกว่าเมืองอื่นๆ เพราะเป็นแหล่ง ขายรถยนต์มือสองที่สั่งมาจากญี่ปุ่น และสาวมาตาเลนี้สวยที่สุดในเกาะศรีลังกา เพราะ เป็นลูกครึ่งอังกฤษ แต่เท่าที่เห็นเดินตามถนนก็ไม่เห็นเป็นจริงอย่างที่บอก เมื่อถามคุณ ขยันก็บอกว่า คนสวยก็ต้องอยู่ในบ้านซิ จะมาเดินให้คนเห็นทำไม

ระหว่างทางได้แวะโชว์รูมโรงงานเซรามิคนาริตาเกะ ของญี่ปุ่น ที่ขายเครื่องใช้เซรา มิคราคาโรงงาน ก็สวยงามดี แต่ก็ไม่ได้ซื้ออะไร เพราะคิดว่าจะซื้อไปเก็บทำไม อายุก็ ขนาดนี้แล้ว ชาที่ซื้อจากศรีลังกาเมื่อ ๘ ปีก่อนก็ยังอยู่ คนใกล้ตัวเพิ่งเก็บไปทิ้งพร้อม กับคำบ่น

ก่อนจะออกจากมาตาเล ได้แวะชมวัดอาลุวิหารา ซึ่งเป็นสถานที่ทำสังคายนาครั้งที่ ๕ ในปี พ.ศ. ๔๔๓ ซึ่งได้จารึกลงในใบลานเป็นครั้งแรกของโลก นับว่าเป็นพระไตรปิฎก ฉบับแรกของโลก ทำให้พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหลักฐาน สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
raynu.p
วันที่ 15 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

พระพุทธพจน์ ตนย่อมไม่มีแก่ตน ทรัพย์และบุตรจะมีแต่ที่ไหน ลึกชึ้งและควรแก่การศึกษาตามอย่างยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 15 เม.ย. 2553

... กราบอนุโมทนาค่ะ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
aditap
วันที่ 16 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ING
วันที่ 20 เม.ย. 2553

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 23 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ