อายุบวร ... ศรีลังกา 19 นูวารา เอลิยา

 
kanchana.c
วันที่  11 เม.ย. 2553
หมายเลข  15878
อ่าน  1,885

นูวารา เอลิยา

หลังจากชื่นชมความสวยงามของสวนพฤกษศาสตร์ เมืองแคนดี้แล้ว ก็เดินทางลงใต้ มาที่เมืองนูวารา เอลิยา ซึ่งเป็นภูขาทางตอนกลางเกือบใต้ของเกาะลังกา เป็นภูเขาสูง เหนือระดับน้ำทะเล ๒,๕๒๔ เมตร ซึ่งเป็นระดับที่พอเหมาะในการปลูกชาให้มีรสดีที่สุด ชาวอังกฤษที่ยึดครองศรีลังกาในขณะนั้น ได้นำพันธุ์ชามาปลูก และนำชาวอินเดียจาก รัฐทมิฬนาดู ตอนใต้ของอินเดียมาเป็นคนงานไร่ชาด้วย

ทางขึ้นเขานั้น มีโค้งมากมาย แต่โชคดีที่เป็นรถมินิบัส และแล่นด้วยความเร็ว ๓๕ กม. ต่อชั่วโมง จึงไม่เหวี่ยงมากนัก แต่ก็ยังมีคนเมารถหลายคน คุณขยันให้ทายว่า มีกี่โค้ง ไม่มีใครตอบได้ จึงเฉลยว่า มี ๒ โค้ง คือ โค้งซ้ายและโค้งขวา (ฮา) ก่อนจะถึงที่สูง สวยงาม ก็ต้องแลกกับการเมารถบ้าง เป็นธรรมดาของโลก ที่ไม่มีอะไรจะได้มาเปล่าๆ ต้องเสียอะไรเป็นการตอบแทนบ้าง นอกจากคนใกล้ตัวที่ได้ทำกุศลเพิ่ม คือ นวดมือให้ คนเมารถทั้งหลายหายวิงเวียนไปได้บ้าง หรืออาจจะไม่หาย แต่เจ็บมือแทน เลยรีบบอก ว่า หายแล้ว ก็เป็นได้

ก่อนจะถึงโรงแรมบนเขา ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง ก็ได้แวะโรงงานผลิตชาที่มีรส ชาติดีที่สุด มีการชิมชา เป็นการพักผ่อนอิริยาบถ อากาศทีนี่กำลังสบาย ต่างกับที่อื่นๆ ที่ จากมาที่อากาศร้อนจัด อากาศเริ่มเย็น อุณหภูมิประมาณ ๑๐ องศา บรรยากาศสดชื่น ยิ่งเมื่อได้จ่ายเงินซื้อชาเป็นของฝากแล้ว สารเคมีในสมองก็สมดุล กลับเป็นตัวเองที่ ชอบช๊อปปิ้งอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่หอบอะไรให้ลำบาก รู้สึกเหมือนได้มา เที่ยว มากกว่ามาทำบุญ เรื่องบุญกุศลนั้นลืมคิดไปเลย เรื่องดีๆ ช่างลืมง่ายจริงๆ เห็น ความไม่เที่ยงของจิตหรือยัง ช่างเปลี่ยนแปลงไหลไปตามกิเลสอย่างรวดเร็วตามการ สะสม ท่านถึงสอนให้มีสติปัฏฐานเป็นเกาะ เป็นที่พึ่ง ให้ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เหมือนอยู่บนเกาะ ไม่ถูกกำลัง แรงของน้ำกิเลสซัดพาไปได้โดยง่าย

ทิวทัศน์ข้างทางตอนนี้ก็เห็นแต่ไร่ชาบนภูเขา มีแปลงผักเมืองหนาวที่ปลูกส่งไปขาย ทั่วศรีลังกา และเห็นไร่สตรอเบอรี่ด้วย มีคนงานผิวดำสนิททำงานอยู่ทั่วไป คุณขยัน บอกว่า อุณหภูมิบนเขาอยู่ระหว่าง ๑๐ – ๑๔ องศา ตลอดปี แม้แดดจะจัด ก็จะไม่รู้สึก ร้อน คนเลยผิวดำ เพราะไม่ได้ปกปิดร่างกายจากแสงแดด

ไม่ถึงบ่ายสี่โมงก็ถึงเมืองนูวาลา เอลิยา (Nuwara Eliya) คุณขยันจึงพาแวะที่จตุจักร ของเมืองนี้ ซึ่งมีชื่อเสียงในการขายเสื้อ Jacket ยี่ห้อดังต่างๆ อาจจะเลียนแบบ ไม่ได้ ถาม เพราะไม่สนใจซื้อ แต่ก็มีเพื่อนร่วมทางหลายคนได้เสื้อยี่ห้อดังถูกใจ ตลาดก็เป็น ถนนสายแคบๆ ดูเป็นชนบทน่ารักดี ระหว่างรอ ได้ยินเสียงสวดมนต์ภาษาบาลี คิดว่าหู แว่ว แต่เป็นความจริง เพราะมีวัดพุทธอยู่ใกล้ๆ ถามคุณขยันว่า จะไปชมได้ไหม คราวนี้ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ อาจจะนอกโปรแกรม ก็เลยไม่ได้ไปเยี่ยมชมวัดพุทธที่นูวาลา เอ ลิยา

ถึงแล้วค่ะ โรงแรม Jetwing St. Andrew’s ที่เหมือนบ้านสไตล์อังกฤษ มีอายุ ๑๓๗ ปี ไม่ใหญ่มาก แต่ตบแต่งด้วยไม้เมืองหนาว ที่กำลังออกดอกสวยงาม อากาศก็เย็น สบาย เมืองนูวารา เอลิยา มีอีกชื่อว่า Little England เมืองอังกฤษบนเกาะลังกา เพราะชาวอังกฤษนิยมมาอยู่ที่นี่ในช่วงที่ปกครองศรีลังกา เนื่องจากเป็นเมืองที่มี ทิวทัศน์สวยงาม มีฉากหลังเป็นเทือกเขา หุบเขา น้ำตก และไร่ชา และอากาศก็เหมือน ฤดูใบไม้ผลิของประเทศอังกฤษ จึงเห็นบ้านเรือนในบริเวณนี้เป็นกระท่อมในป่า และ คฤหาสน์สไตล์อังกฤษ

ตอนเช้าเปลี่ยนรถเป็นรถขับเคลื่อน ๔ ล้อ เพื่อขึ้นเขาสูงขึ้นไปอีก เพื่อไปเที่ยว Horton Plains National Park ระยะทางห่างจากนูวารา เอลิยา ๓๒ กม. มีพื้นที่ ประมาณ ๓,๑๖๐ เฮคเตอร์ เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งค้นพบโดย Sir Robert Horton ผู้สำเร็จราชการอังกฤษที่เข้ามาปกครองศรีลังกา ระหว่างปี ค.ศ. ๑๘๓๑ – ๑๘๓๗

ฮอร์ตันเพลน มีลักษณะคล้ายภูกระดึง คือ เป็นที่ราบบนยอดเขา มีทางเดินให้ชม ธรรมชาติ ๒ ทาง คือ ระยะสั้น ไปกลับ ๔ กม. และระยะยาว ๑๒ กม. คงเดาได้ว่า เรา เลือกแบบไหน คือ เลือกระยะสั้น เพราะประมาณกำลังของตนเองได้ดี ทางเดินในป่าก็ ทำให้เดินได้สะดวก ปลอดภัย (เขาเขียนคำเตือนไว้ว่า ให้เดินตามทางที่กำหนดไว้เท่า นั้น)

เดินผ่านป่าโปร่ง มีพันธุ์ไม้นานาชนิด บางชนิดก็กำลังออกดอก มีต้นกุหลาบ พันปีที่มีดอกตูมเต็มต้น ในเดือนเมษายนจะเป็นช่วงที่บานทั้งต้น ซึ่งเป็นไฮซีซันของ ประเทศศรีลังกา จะมีนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศมาที่นี่มากมาย และที่คาดไม่ ถึงก็คือมีห้องน้ำอย่างสะอาดให้เข้าด้วย คิดว่าอยู่ในป่า คงจะเหมือนที่อินเดีย คือ ให้หา พุ่มไม้เป็นห้องน้ำกันเอง

เดินผ่านลานหินที่ธรรมชาติบรรจงแต่งให้มีหลากสี ทั้งสีชมพู ม่วง ส้ม ด้วยลวดลาย สวยงาม และเดินชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ จนถึงสุดแผ่นดิน ก็เห็นภูเขาหลายลูกๆ ที่อยู่ ต่ำกว่า เป็นอันว่าการเดินระยะสั้นก็สิ้นสุดแค่นี้ แต่ถ้าใครจะเดินต่อ ก็จะเดินขึ้นเขาไป อีก ไม่ย้อนกลับที่เดิม ความจริงเดินไม่เหนื่อยเลย เพราะได้เดินในบรรยากาศที่สดชื่น บางช่วงก็มีเมฆลอยผ่านไป เพลิดเพลินจริงๆ

รับประทานอาหารเที่ยงบนฮอร์ตันเพลนส์ เพราะกว่าจะเดินกลับมาที่รถ ก็เกือบเที่ยง แล้ว มีอีกา (ซึ่งมีมากมายในศรีลังกา จนมีคนบอกว่า เป็นที่มาของชื่อ สีรังกา) และ กวางมารอคอยอาหารจากนักท่องเที่ยวมากมาย

เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว ก็เดินทางกลับ แวะฟาร์มโคนมของนิวซีแลนด์ที่ขายโยเกิร์ต อร่อยมาก มีคนซื้อเนยแข็งมาด้วย บอกว่าอร่อยและถูกกว่าที่เมืองไทยมาก กลับถึงโรงแรมประมาณบ่ายสามโมง ฝนตกพอดี โชคดีที่ตอนเดินอยู่บนฮอร์ตันเพลน นั้นไม่มีฝน ทำให้ได้สัมผัสทั้งอากาศร้อน ร้อนมาก หนาว และฝน ครบทุกอย่างในเวลา ๙ วัน ระหว่างอยู่ที่ศรีลังกา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 16 เม.ย. 2553

แม้จะไม่ได้ไปศรีลังกาด้วย...ก็เหมือนได้ไปค่ะพี่แดง

อ่านแล้วรู้สึกมีความสุขสนุกสนานมาก แถมมีข้อธรรมมาคอยเตือนใจเสมอ

รู้สึกปีติโสมนัสกับกุศลจิต...กุศลศรัทธาของทุกๆ ท่านคะ

...ขอกราบอนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
aditap
วันที่ 16 เม.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 17 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ING
วันที่ 20 เม.ย. 2553

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 26 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ