เมตตา [เมตตสูตร]
khampan.a
วันที่ 17 เม.ย. 2553
หมายเลข 15909
อ่าน 1,389
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 328
เมตตสูตร ว่าด้วยการแผ่เมตตาในสัตว์ทั้งปวง
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสสอนพวกภิกษุผู้อยู่ป่าว่า [๑๐] กิจนั้นใด อันพระอริยะบรรลุบทอันสงบ ทำแล้ว กิจนั้นอันกุลบุตรผู้ฉลาดพึงทำ กุลบุตรนั้น พึงเป็นผู้อาจหาญ ตรงและตรงด้วยดี พึงเป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะ พึงเป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจน้อย ประพฤติเบากายจิต พึงเป็นผู้มีอินทร์สงบ มีปัญญารักษาตัว เป็น ผู้ไม่คะนอง ไม่ติดในสกุลทั้งหลาย ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงจบเทศนาอย่างนี้แล้วตรัสกะภิกษุเหล่านั้น ว่า ไปเถิดภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงอยู่ในราวป่านั้นนั่นแหละ และจงเคาะระฆังในวันธรรมสวนะ ๘ วัน ต่อเดือนแล้วจงสวดพระสูตรนี้ จงทำธรรมกถากล่าวธรรม สนทนาธรรม อนุโมทนากัน จงซ่องเสพ เจริญทำให้มาก ซึ่งกรรมฐานนั้นแหละ พวกอมนุษย์แม้เหล่านั้น จักไม่แสดงอารมณ์น่าสะพึงกลัวนั้น จักเป็นผู้หวังดี หวังประโยชน์แก่พวกเธอแน่แท้ ภิกษุเหล่านั้น รับพระ-พุทธดำรัสแล้ว ลุกจากอาสนะ. กราบถวายบังคมแล้วทำประทักษิณไปในราวป่านั้นแล้วทำตามที่ทรงสอนทุกประการ. เทวดาทั้งหลาย เกิดปีติโสมนัสว่าพระคุณเจ้าทั้งหลายช่างหวังดีหวังประโยชน์แก่พวกเรา. ก็พากันเก็บกวาดเสนา-สนะเอง จัดแจงน้ำร้อน นวดหลัง นวดเท้า จัดวางอารักขาไว้ ภิกษุแม้เหล่านั้นก็พากันเจริญเมตตา ทำเมตตานั้นให้เป็นบาท เริ่มวิปัสสนาก็บรรลุพระอรหัต -อันเป็นผลเลิศภายในไตรมาสนั้นนั่นเองหมดทุกรูป ปวารณาด้วยวิสุทธิปวารณาในวันมหาปวารณา ออกพรรษาแล.
เมตตสูตร ว่าด้วยการแผ่เมตตาในสัตว์ทั้งปวง
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสสอนพวกภิกษุผู้อยู่ป่าว่า [๑๐] กิจนั้นใด อันพระอริยะบรรลุบทอันสงบ ทำแล้ว กิจนั้นอันกุลบุตรผู้ฉลาดพึงทำ กุลบุตรนั้น พึงเป็นผู้อาจหาญ ตรงและตรงด้วยดี พึงเป็นผู้ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่มีอติมานะ พึงเป็นผู้สันโดษ เลี้ยงง่าย เป็นผู้มีกิจน้อย ประพฤติเบากายจิต พึงเป็นผู้มีอินทร์สงบ มีปัญญารักษาตัว เป็น ผู้ไม่คะนอง ไม่ติดในสกุลทั้งหลาย ฯลฯ พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงจบเทศนาอย่างนี้แล้วตรัสกะภิกษุเหล่านั้น ว่า ไปเถิดภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงอยู่ในราวป่านั้นนั่นแหละ และจงเคาะระฆังในวันธรรมสวนะ ๘ วัน ต่อเดือนแล้วจงสวดพระสูตรนี้ จงทำธรรมกถากล่าวธรรม สนทนาธรรม อนุโมทนากัน จงซ่องเสพ เจริญทำให้มาก ซึ่งกรรมฐานนั้นแหละ พวกอมนุษย์แม้เหล่านั้น จักไม่แสดงอารมณ์น่าสะพึงกลัวนั้น จักเป็นผู้หวังดี หวังประโยชน์แก่พวกเธอแน่แท้ ภิกษุเหล่านั้น รับพระ-พุทธดำรัสแล้ว ลุกจากอาสนะ. กราบถวายบังคมแล้วทำประทักษิณไปในราวป่านั้นแล้วทำตามที่ทรงสอนทุกประการ. เทวดาทั้งหลาย เกิดปีติโสมนัสว่าพระคุณเจ้าทั้งหลายช่างหวังดีหวังประโยชน์แก่พวกเรา. ก็พากันเก็บกวาดเสนา-สนะเอง จัดแจงน้ำร้อน นวดหลัง นวดเท้า จัดวางอารักขาไว้ ภิกษุแม้เหล่านั้นก็พากันเจริญเมตตา ทำเมตตานั้นให้เป็นบาท เริ่มวิปัสสนาก็บรรลุพระอรหัต -อันเป็นผลเลิศภายในไตรมาสนั้นนั่นเองหมดทุกรูป ปวารณาด้วยวิสุทธิปวารณาในวันมหาปวารณา ออกพรรษาแล.