บัดนี้เธอทั้งหลายประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร

 
sutta
วันที่  20 เม.ย. 2553
หมายเลข  15926
อ่าน  1,230

พระพุทธองค์ทรงเป็นแบบอย่างแบบแผนและทรงสั่งสอนให้หมู่สัตว์เจริญในกุศล ละ อกุศลเห็นโทษโดยความเป็นโทษของอกุศล แม้แต่ในการใช้ชีวิตประจำวัน การพูดคุย สนทนา รวมทั้งการประชุมพบปะกัน

ในสมัยพุทธกาล ภิกษุทั้งหลายก็มีการประชุมกัน พบปะกัน พระพุทธองค์ก็จะทรงเข้า มาตรัสถามว่า บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนาด้วยเรื่องอะไร หากเป็นเรื่องที่ไม่ เป็นประโยชน์ เรื่องที่เพิ่มอกุศล ไมได้ให้เจริญกุศลมีเดรัจฉานกถา (คำพูด) มีเรื่องพระราชา เรื่องผู้นำ เป็นต้น พระพุทธองค์ก็จะทรงแสดงโทษและความไม่เป็นประโยชน์ ทรงแสดงเรื่องที่เมื่อมีการประชุมกันควรพูดเรื่องอะไร คือเรื่องเป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลส เรื่องการอบรมปัญญา เป็นต้น

เชิญคลิกอ่านที่นี่

สิ่งที่ควรสนทนาและไม่ควรสนทนา

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔ - หน้าที่ 299

อนึ่ง เธอเข้าประชุมสงฆ์ ไม่พูดเรื่องต่างๆ ไม่พูดเรื่องไม่เป็นประโยชน์ ย่อมแสดงธรรมเองบ้าง ย่อมเชื้อเชิญผู้อื่นให้แสดงบ้าง ย่อมไม่ดูหมิ่นการนิ่งอย่างพระอริยเจ้า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยข้อที่ ๗ ย่อมเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ฯลฯ เพื่อความบริบูรณ์แห่งปัญญาที่ได้แล้ว.

การดำเนินชีวิตประจำวันจึงเป็นเครื่องวัดกำลังของปัญญาที่ได้สะสมมา แม้การจะไป สถานที่ใด สถานที่หนึ่ง พระพุทธองค์ก็ได้ทรงแสดงว่าหากนิคมหรือสถานที่นั้นเมื่อ เสพคุ้นแล้วอกุศลเจริญ กุศลธรรมเสื่อมไป เธอก็ไม่ควรไปสถานที่ นิคมนั้น จึงเป็นเรื่อง ของปัญญาจริงๆ ที่จะพิจารณาในสิ่งที่ควรหรือไม่ควร แต่มั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมและ เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไมได้

พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ - หน้าที่ 278

นิคมที่ไม่ควรเสพ (อาศัยอยู่) ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อบุคคลเสพนิคมแบบไร อกุศลธรรมทั้งหลายจะเจริญขึ้น แต่กุศลธรรมทั้งหลายกลับเสื่อมลง นิคมแบบนี้ ไม่ควรเสพ. นิคมที่ควรเสพ (อาศัยอยู่) ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แต่ว่าเมื่อบุคคลเสพนิคมแบบไร อกุศลธรรมทั้งหลายจะเสื่อมลง แต่กุศลธรรมทั้งหลายกลับเจริญขึ้น นิคมแบบนี้ ควรเสพ.

การประชุมที่ประเสริฐคือเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรม ละอกุศลธรรม กาย และวาจาเป็นไปในกุศลธรรม เป็นไปเพื่อการอบรมปัญญา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ...

สภาอันเป็นที่ประชุมที่ดี

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 163

๑๐. ภัณฑนสูตร

บัดนี้เธอทั้งหลายนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไรหนอ และเรื่องอะไรอันเธอทั้งหลายพักค้างไว้ในระหว่างภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับจากบิณฑบาตในเวลาภายหลังภัต นั่งประชุมกันที่หอฉัน เกิดหมายมั่นก่อความทะเลาะวิวาทกันขึ้น ทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายเกิดความหมายมั่นก่อความทะเลาะวิวาทกันขึ้น ทิ่มแทงกันและกันด้วยหอกคือปากอยู่ นี้เป็นกรรมไม่สมควรแก่เธอทั้งหลาย

เราคงลืมไปว่าทุกท่านเหมือนนักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ว และเวลาก็เหลือ น้อยเต็มที โอกาสที่ได้พบพระพุทธศาสนาและได้เกิดเป็นมนษย์เป็นช่วงเวลาที่หาได้ ยาก อย่าให้ขณะนั้นอย่าล่วงเลยทุกท่านไปเสีย เรากำลังถูกเรื่องราวหลอกว่ามีจริงและ เห็นว่าสำคัญมากมาย แต่ก็เป็นเพียงแค่คิดนึกเท่านั้น เรื่องราวที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ ไม่มีวันจบ แต่การรู้ความเข้าใจและการดับกิเลสนั้นมีวันจบครับ ไม่ประมาทกับชีวิต เจริญกุศลทุกประการและอบรมปัญญา เวลาเหลือน้อยแล้ว

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 553

ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และเห็นความไม่วิวาทโดยเป็นทางเกษม แล้วจงกล่าววาจา อ่อนหวานอันสมัครสมานกันเถิด นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย


  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Pinyapachaya
วันที่ 21 เม.ย. 2553

ถ้าหากต้องทำงานที่ต้องสนทนากับผู้คนจำนวนมากๆ ด้วยเดรัจฉานกถาเป็นประจำและยังเป็นถ้อยคำที่กระตุ้นราคะทั้งผู้พูดและผู้ฟังมากขึ้น สมควรที่จะเลิกทำงานนั้นมั้ยคะ แล้วจัดว่าเป็นคำเพ้อเจ้อด้วยใช่หรือเปล่าคะ (สัมผัปปาลาป-คำพูดอันหาประโยชน์มิได้) คำว่า"ประโยชน์"ในที่นี้ต้องเป็นกุศลจิตที่พูดออกไป ใช่หรือไม่คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Pinyapachaya
วันที่ 21 เม.ย. 2553

ยกตัวอย่างเช่น บรรยายเรื่องวิธีดูแลผิวพรรณต่างๆ ให้คนในองค์กรต่างๆ ฟัง และเขียนบทความบรรยายตามนิตยสารต่างๆ เกี่ยวกับการเสริมความงามการตกแต่งผิวพรรณให้ดูสวยงาม ถ้อยคำที่บรรยายในทางโลกนี้ มุ่งประโยชน์ให้ผู้ฟังรู้วิธีดูแลและตกแต่งผิวพรรณให้ดูดีอยู่้เสมอ (ซึ่งขัดกับหลักความจริงที่ว่า ผิวพรรณหรือ ตะโจ นั่นเป็นของที่ย่อมเสื่อมไปเป็นธรรมดา และแท้จริงแล้วเป็นปฏิกูล มีเหงื่อไคลที่สกปรกเหมือนตมน่ารังเกียจและส่งกลิ่นอยู่เสมอเพียงแค่ไม่อาบน้ำเพลาเดียว ไม่ใช่สิ่งที่ควรไปหลงใหลได้ปลื้มเลย)

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
paderm
วันที่ 21 เม.ย. 2553

คำเพ้อเจ้อสำคัญที่จิตด้วย หากพูดมุ่งให้ความรู้ ความเข้าใจด้วยจิตที่เป็นกุศลไม่จัดว่าเป็นการพูดเพ้อเจ้อ กุศลจิตจะเพ้อเจ้อไมได้ครับ การทำงานก็เป็นปกติที่มีการพูดเรื่องราวต่างๆ บ้าง หากเรื่องนั้นไม่เป็นประโยชน์ทางโลกและทางธรรมและพูดด้วยอกุศลจิตก็เป็นเพ้อเจ้อ แต่จะเป็นการเพ้อเจ้อที่ครบกรรมบถ อันเป็นเหตุให้ไปอบายภูมิได้ก็ต้องพิจารณาอีกครับว่า ทำลายประโยชน์ต่อผู้อื่นหรือไม่ ดังนั้นจากที่ยกตัวอย่างมาก็เป็นธรรมดาบ้างในบางเรื่อง บางขณะที่เพ้อเจ้อ เป็นอกุศล แต่ไมได้ทำลายประโยชน์บุคคลอื่นก็ไม่ครบกรรมบถครับ งานที่ทำก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยของการสะสมมาของแต่ละบุคคลและก็แล้วแต่วิบากของแต่ละคนที่จะได้ทำงานในที่ใด แต่ความเข้าใจพระธรรมก็สามารถเกื้อกูลได้เสมอ แม้ในการทำงาน ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ING
วันที่ 21 เม.ย. 2553

ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 21 เม.ย. 2553

ที่ใดที่ไปแล้วกุศลและปัญญาเจริญขึ้น ที่นั้นควรไป ส่วนที่ใดที่ไปแล้ว อกุศลเจริญขึ้นที่นั้นไปควรไปค่ะ พระพุทธเจ้าสอนให้สามัคคีมีเมตตาทาง กาย ทางวาจา และทางใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลังค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 21 เม.ย. 2553

ถ้าโลกนี้ไม่มีการพูดคุยถึงเดรัจฉานกถาเลย โลกนี้จะเป็นไงค่ะ จะประกอบ อาชีพการงาน เดินทาง เรียนหนังสือหรือแม้กระทั่งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ... เป็นไปได้มั้ย? พระพุทธองค์ทรงสอนให้เข้าใจความจริง ไม่ได้ทรงสอนให้ทุกคนดำรงชีวิต แบบบรรพชิต เพราะบรรพชิตเป็นเพศที่ขัดเกลาอย่างยิ่ง เป็นเพศที่ประพฤติ พรหมจรรย์ แต่ชีวิตของฆราวาสจริงๆ เป็นเช่นนั้นหรือเปล่า? ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ วาจาก็ย่อมไปกับกุศลบ้าง อกุศลบ้าง และถ้า ผู้นั้นเห็นโทษย่อมหลีกเลี่ยงวาจาหรือคำพูดใดๆ ที่เป็นไปในทางเบียดเบียน หาสาระ แก่นสารไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้ อกุศลธรรมเจริญ และกุศลธรรมเสื่อมค่ะ

ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่นี่

เดรัจฉานกถาแน่ๆ ?

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 21 เม.ย. 2553

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 553

" ... ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และเห็นความไม่วิวาทโดยเป็นทาง เกษม แล้วจงกล่าววาจา อ่อนหวานอันสมัครสมานกันเถิด นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ... "

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
aditap
วันที่ 21 เม.ย. 2553

เป็นคําจริงที่ไพเราะมากครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
khampan.a
วันที่ 21 เม.ย. 2553

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ ๕๕๓

" ... ท่านทั้งหลายจงเห็นความวิวาทโดยความเป็นภัย และเห็นความไม่วิวาทโดยเป็นทาง เกษม แล้วจงกล่าววาจา อ่อนหวานอันสมัครสมานกันเถิด นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งหลาย ... " --------------------- "ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ วาจาก็ย่อมไปกับกุศลบ้าง อกุศลบ้าง และถ้า ผู้นั้นเห็นโทษย่อมหลีกเลี่ยงวาจาหรือคำพูดใดๆ ที่เป็นไปในทางเบียดเบียน หาสาระ แก่นสารไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้ อกุศลธรรมเจริญ และกุศลธรรมเสื่อม"

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Komsan
วันที่ 22 เม.ย. 2553

ขอขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
orawan.c
วันที่ 22 เม.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
choonj
วันที่ 22 เม.ย. 2553

จะขอกล่าวชีวิตประจำวันของเราซึ่งต่างกับภิกษุสมัยนั้น ก็ไม่พ้นจากอกุศลที่มี โลภเป็นเพื่อนสอง และในสังคมรอบข้างก็เช่นกัน อีกทั้งผู้ไม่ศึกษาธรรมก็มีมากกว่า การหลีกเลี่ยงอโคจรก็ไม่ง่าย จึงต้องมีชีวิตอยู่กับอกุศล มีทางเดียวคือฟังธรรมช่วยตัว เองจนสังขารขันธ์มีกำลัง รู้ทันอกุศล ก็เอาตัวรอดได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 22 เม.ย. 2553

เรากำลังถูกเรื่องราวหลอกว่ามีจริงและเห็นว่าสำคัญมากมาย

แต่ก็เป็นเพียงแค่คิดนึกเท่านั้น

เรื่องราวที่กำลังเป็นที่สนใจอยู่ไม่มีวันจบ

แต่การรู้ความเข้าใจและการดับกิเลสนั้นมีวันจบครับ

ไม่ประมาทกับชีวิต

เจริญกุศลทุกประการและอบรมปัญญา

เวลาเหลือน้อยแล้ว

ขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ.ประเดิม ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Pinyapachaya
วันที่ 22 เม.ย. 2553

สาธุ ขออนุโมทนาทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
bsomsuda
วันที่ 22 เม.ย. 2553

บางขณะที่เพ้อเจ้อ เป็นอกุศล แต่ไม่ได้ทำลายประโยชน์บุคคลอื่น
ก็ไม่ครบกรรมบถครับ

งานที่ทำก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยของการสะสมมาของแต่ละบุคคล
และก็แล้วแต่วิบากของแต่ละคนที่จะได้ทำงานในที่ใด

แต่ความเข้าใจพระธรรมก็สามารถเกื้อกูลได้เสมอ แม้ในการทำงาน

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Thirachat.P
วันที่ 4 พ.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ