ถ้าไม่มี ปัจจัย ให้กุศลจิตเกิด อกุศลจิตก็ต้องเกิด
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ข้อความบางตอนจากการสนทนาธรรมณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒ ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
ขณะที่เราอยู่กับเรื่องราว ที่เป็น "บัญญัติ" ซึ่งตามความเป็นจริงนั้น ก็เป็น "ปรมัตถ์" แต่เราข้ามไป แล้วก็ "อยู่ในโลกของความคิด" เพราะว่ายังเป็นปัญญาขั้นฟัง "ปฏิปัตติ" (ปฏิบัติ) จึงยังไม่เกิด และ ในชีวิตประจำวัน เราก็ "อยู่กับเรื่องราว" ที่ไม่มีอยู่จริงๆ
กุศลจิตก็เกิดยาก เพราะไม่ได้เป็นไปกับทาน ศีล ภาวนาตรงนี้ ท่านอาจารย์กรุณาแนะนำด้วยครับ
ชีวิตประจำวันเป็นเช่นนั้น จะเป็นอื่นก็ไม่ได้แต่ว่า แม้ในชีวิตประจำวัน จะเป็นเช่นนั้น แล้วมี "ความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ " ที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน "เพิ่มขึ้น" บ้าง ไหม กิเลสที่สะสมอยู่ในจิต มากมาย จะเอาไปทิ้งที่ไหน มีหนทางที่จะบรรเทาให้เบาบางลงได้ไหม ถ้าไม่มี "ปัจจัย" ให้กุศลจิตเกิด อกุศลจิตก็ต้องเกิด และ อกุศลจิตที่เกิดแล้ว เมื่อมี "ปัจจัย" ก็ต้องเกิดขึ้นอีก
ขออนุโมทนา
ชีวิตประจำวันของแต่ละบุคคล เป็นไปตามการสะสม และ เหตุปัจจัยต่างๆ ซึ่งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครจำได้ว่า สมาชิกท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่า ถ้า "เข้าใจ" ก็ไม่เดือดร้อน
และ อีกท่านหนึ่ง เคยกล่าวไว้ว่าหลีกเลี่ยงได้ ถ้ามี "ปัญญา"
.
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ทั้งฟังทั้งอ่านอย่างนี้มาตั้งนานหลายปีดีดัก แต่ด้วยอวิชชาซึ่งฉาบทาด้วยโลภะอย่างหนาแน่น ก็ทำให้พวกเราทั้งหลาย เข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ ที่เกิดขึ้น ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวันน้อยมาก หรืออาจจะแทบไม่เกิดขึ้นเลย แต่ท่านอาจารย์ท่านก็ยังให้ความเมตตา ตอบคำถามซ้ำๆ ปีแล้วปีเล่า โดยไม่เคยเบื่อหน่ายและย่อท้อ กราบแทบเท้าอนุโมทนาท่าน มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
อนุโมทนาค่ะ