กถาว่าด้วยอบายมุข ๖ [สิงคาลกสูตร]
[เล่มที่ 16] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 80
สิงคาลกสูตร
กถาว่าด้วยอบายมุข ๖
[๑๗๘] อริยสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลาย เป็นไฉนดูก่อนคฤหบดีบุตร การเสพน้ำเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การเที่ยวไปในตรอกต่างๆ ในเวลากลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การเที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การเล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ ความเกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑
เหตุ ๖ ประการเหล่านี้ คือ การนอนสาย ๑ การเสพภรรยาผู้อื่น ๑ การผูกเวร ๑ ความเป็นผู้ ทำแต่สิ่งหาประโยชน์มิได้ ๑ มิตรชั่ว ๑ ความ เป็นผู้ตระหนี่เหนี่ยวแน่น ๑ ย่อมกำจัดบุรุษ เสียจากประโยชน์สุขที่จะพึงได้ พึงถึง. คนมีมิตรชั่ว มีมารยาทและโคจรชั่ว ย่อม เสื่อมจากโลกทั้งสองคือจากโลกนี้และจากโลกหน้า
เหตุ ๖ ประการ คือ การพนันและหญิง ๑ สุรา ๑ ฟ้อนรำขับร้อง ๑ นอนหลับในกลางวัน บำเรอตนในสมัยมิใช่กาล ๑ มิตรชั่ว ๑ ความ ตระหนี่เหนียวแน่น ๑ เหล่านี้ย่อมกำจัดบุรุษ เสียจากประโยชน์ที่จะพึงได้ พึงถึง. ชนเหล่าใดเล่นการพนัน ดื่มสุรา เสพหญิง ภรรยาที่รักเสมอด้วยชีวิตของผู้อื่น คบแต่คน ต่ำช้า และไม่คบหาคนที่มีความเจริญ ย่อม เสื่อมดุจดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดดื่มสุรา ไม่มีทรัพย์ หาการงานทำเลี้ยงชีวิตมิได้ เป็น คนขี้เมาปราศจากสิ่งเป็นประโยชน์ เขาจักจม ลงสู่หนี้เหมือนก้อนหินจมน้ำฉะนั้น จักทำ ความอากูลแก่ตนทันที. คนที่ปกตินอนหลับในกลางวัน เกลียด ชังการลุกขึ้นในกลางคืน เป็นนักเลงขี้เมา เป็นนิจไม่อาจครอบครองเรือนให้ดีได้ ประโยชน์ทั้งหลาย ย่อมล่วงเลย ชายหนุ่มที่ ละทิ้งการงาน ด้วยอ้างว่า หนาวนัก ร้อนนัก เวลานี้เย็นเสียแล้วดังนี้เป็นต้น ส่วนผู้ใดไม่ สำคัญความหนาว ความร้อน ยิ่งไปกว่าหญ้า ทำกิจของบุรุษอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจาก ความสุข ดังนี้
ที่มา...
สิงคาลกสูตร และอรรถกถา เรื่อง สิงคาลกคฤหบดีบุตร - ว่าด้วยคิหิปฏิบัติ