นิกายต่างๆ หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน

 
sutta
วันที่  15 พ.ค. 2553
หมายเลข  16189
อ่าน  6,143

[เล่มที่ 80] พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ เล่ม ๔ ภาค ๑ -หน้า 5

พระยสเถระผู้เป็นบุตรของพราหมณ์ ชื่อว่า กากัณฑกะ ฟังวัตถุ ๑๐ ประการนั้นแล้ว ได้ถือเอาพระเจ้าอโศกราช ผู้เป็นโอรสของพระเจ้าสุสุนาคะ ให้เป็นพระสหาย แล้วคัดเลือกพระเถระ ๗๐๐ รูป ในจำนวนภิกษุ ๑,๒๐๐,๐๐๐ รูป คือ ๑๒ แสน ย่ำยีวัตถุ ๑๐ ประการ เหล่านั้นแล้วก็ยกสรีระ คือ พระธรรมวินัยขึ้นสังคายนา.

ก็ภิกษุวัชชีบุตร มีประมาณ ๑๐,๐๐๐ รูป ถูกพระธรรมสังคาหกเถระทั้งหลาย ข่มขู่แล้ว คือ ติเตียนแล้ว จึงแสวงหาพวก ครั้นได้พวกที่เป็นทุพพลวะ อันสมควรแก่ตน ก็จัดตั้ง สำนักตระกูลอาจารย์ใหม่ ชื่อว่า มหาสังฆิกะ แปลว่า พวกมาก ตระกูลอาจารย์ ๒ พวกอื่นอีกเกิดขึ้น คือ โคกุลิกะ และเอกัพโยหาริกะ ซึ่งแตกแยกมาจากตระกูลอาจารย์มหาสังฆิกะนั้น ตระกูลอาจารย์ ๒ พวกอื่นอีก คือ บัญญัตติวาทะ และพหุลิยะ ซึ่งมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า พหุสสุติกะ ซึ่งแตกแยกมาจากนิกายโคกุลิกะ อาจริยวาท อื่นอีกชื่อว่า เจติยวาท เกิดขึ้นแล้ว ในระหว่างนิกายพหุลิยะนั้น นั่นแหละ

ในร้อยแห่งปีที่ ๒ คือ ภายในพระพุทธศักราช ๒๐๐ ปี ตระกูลอาจารย์ทั้ง ๕ ตระกูล เกิดขึ้นจาก ตระกูลอาจารย์มหาสังฆิกะด้วยประการฉะนี้ ตระกูลอาจารย์ทั้ง ๕ เหล่านั้น รวมกับ มหาสังฆิกะเดิม ๑ ก็เป็น ๖ ตระกูลด้วยกัน

ในร้อยแห่งปีที่ ๒ นั้น นั่นแหละ อาจริยวาท ทั้ง ๒ คือ มหิสาสกะ และวัชชีปุตตกะ เกิดขึ้น แตกแยกมาจากเถรวาท ในบรรดาอาจริยวาททั้ง ๒ นั้น อาจริยวาททั้ง ๔ คือ ธัมมุตตริยะ ๑ ภัทรยานิกะ ๑ ฉันนาคาริกะ ๑ สมิติยะ ๑ เกิดขึ้นเพราะแตกแยกมาจาก นิกายวัชชีปุตตกะ ในร้อยแห่งปีที่ ๒ นั้น นั่นแหละ อาจริยวาท ๒ พวก คือ สัพพัตถิกวาทะ และธัมมคุตติกะ เกิดขึ้น เพราะการแตกแยกมาจากตระกูลอาจารย์มหิสาสกะ อีกนิกายชื่อว่า กัสสปิกะ เกิดขึ้นเพราะแตกแยกจากตระกูล สัพพัตถิกวาทะ

เมื่อนิกายกัสสปิกะ ทั้งหลายแตกกันแล้ว ก็เป็นเหตุ ให้นิกายชื่อว่า สังกันติกะ อื่นอีกเกิดขึ้น เมื่อนิกายสังกันติกะ ทั้งหลายแตกกันแล้ว นิกายชื่อว่า สุตตวาทะก็เกิดขึ้น อาจริยวาท ๑ นิกายเหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว เพราะแตกแยกมาจากเถรวาทอย่างนี้ ด้วยประการฉะนี้ อาจริยวาท ๑๑ นิกายเหล่านี้ รวมกับเถรวาทเดิมก็เป็น ๑๒ นิกาย. ในร้อยแห่งปีที่ ๒ คือ ภายในพระพุทธศักราช ๒๐๐ ปี

อาจริยวาท คือ ลัทธิแห่งอาจารย์ ทั้งหมดรวม ๑๘ นิกาย คือ ๑๒ นิกายที่แยกมาจากเถรวาทเหล่านี้ และนิกายอาจริยวาท ๖ ที่แตกแยกมาจากตระกูลอาจารย์มหาสังฆิกะทั้งหลาย ฉะนี้แล.

คำว่า นิกาย ๑๘ นิกายก็ดี ตระกูลอาจารย์ ๑๘ ตระกูลก็ดี เป็นชื่อของนิกายที่กล่าวมาแล้วเหล่านั้น นั่นแหละ อนึ่งบรรดานิกาย ๑๘ นิกายเหล่านั้น ๑๗ นิกาย บัณฑิตพึงทราบว่าเป็นนิกายที่แตกแยกกันมา ส่วนเถรวาท บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นนิกายที่ไม่แตกกัน

ฯลฯ


Tag  นิกาย  
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wkedkaew
วันที่ 22 ก.ค. 2553

ขอขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Nongnuch
วันที่ 29 พ.ย. 2553

Anumotana ka.

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
dhammanath
วันที่ 29 พ.ย. 2553

ได้อ่านแล้วทำให้มีความสงสัยในข้อที่ท่านกล่าวว่า "พระเจ้าอโศกราช ผู้เป็นโอรสของ พระเจ้าสุสุนาคะ" ไม่ทราบว่า "พระเจ้าอโศกราช" ที่ว่านี้เป็นใคร ในประวัติของการสืบสันตติวงศ์นั้น พระเจ้าสุสุนาคะ ทรงเสวยราชต่อจากพระเจ้านาค ทาสกะ ผู้เป็นราชโอรสของพระเจ้ามุณฑกะ และเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของสายพระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าสุสุนาคะมีเชื้อสายเป็นเจ้าในวงศ์ลิจฉวีแห่งวัชชี มีมารดาเป็นหญิงงามเมือง ทรงเสวยอยู่ ๑๘ ปี ก็สวรรคต

พระโอรสนามว่า "กาฬาโศก" ขึ้นสืบราชบัลลังก์ต่อ พระเจ้าอโศกราชที่ท่านกล่าวไว้ข้างบนนี้ เข้าใจว่าเป็นพระเจ้ากาฬาโศกนั่นเอง ไม่ใช่พระ เจ้าอโศกมหาราชในวงศ์เมารยะแน่นอน เพราะเวลาต่างกันเป็นร้อยปีที่เดียว

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nopwong
วันที่ 18 ก.ย. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 20 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 17 พ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ