พระนาคเสนแก้ศาสนาเสื่อม
ข้อความบางตอนจากหนังสือ
มิลินทปัญหา
เอโก เถโร ยังมีพระมหาเถระองค์หนึ่งชื่อว่าพระอัสสคุตเป็นอรหันต์ผู้เฒ่า พระผู้เป็นเจ้ารู้เหตุที่พระเจ้ามิลินท์กระทำนี้ด้วยทิพโสต ทรงทราบสิ้นสุด เห็นว่าพระศาสนาจะเสื่อมทรุด เศร้าหมอง พระอัสสคุตเถระพระผู้เป็นเจ้า จึงอปโลกน์บอกกล่าวชาวพระอรหันต์ ให้ประชุม พร้อมกันที่เขารักขิตเลณะ พระอัสสคุตเถระจึงมีวาจาประกาศพระอรหันต์ทั้ง ๑๐๐ โกฏิ ว่า พระอรหันต์ผู้ใดโสดอาจสามารถจะ แก้ปัญหาของพระยามิลินท์ได้ และจะให้พระยามิลินท์ เลื่อมใสด้วยสติปัญญา กู้พระศาสนาขึ้นไว้ จะมีพระอรหันต์องค์ใดรับอาสาได้บ้าง พระ อัสสคุตว่าถึงสองสามครั้ง ดังนั้น พระอรหันต์ทั้งหลายก็นิ่งไป ไม่มีพระอรหันต์ผู้ใดที่จะรับ วาจา อถโข อายสฺมา อสฺสคุตฺโต พระอัสสคุตจึงว่า อย่ากระนั้นเลย ท่านทั้งปวงเอ่ย ยังมี เทวบุตรผู้หนึ่งเสวย ซึ่งทิพยสมบัติอยู่ในเกตุมดีพิมาน ด้านข้างปัจฉิมทิศตะวันตกตรงกันกับ เวชยันต์วิมานเมืองดาวดึงส์และชื่อของเทวบุตรนั้น ชื่อว่า มหาเสนเทวบุตร และมหาเสน เทพบุตรองค์นี้มีสติปัญญาอาจสามารถที่จะแก้ปัญหาของพระยามิลินท์ได้ ท่านทั้งปวงอย่า อยู่ช้า เราจงชวนกันขึ้นไป อาราธนามหาเสนเทวบุตร ให้จุติลงมาเกิดในมนุษย์โลกนี้เถิด พระอัสสคุตเถระผู้ประเสริฐ ก็พาพระอรหันต์ ๑๐๐ โกฏิ ออกจากยอดสิงขรยุคันธรบรรพต ปรากฏในพิภพแห่งสมเด็จอมรินทราธิราช อันเป็นใหญ่ในดาวดึงสาสวรรค์นั้น สกฺโกเทวานมินฺโท ส่วนว่าสมเด็จอมรินทร์อันเป็นปิ่นฝูงอมรคณา อทฺทส โข ทอดพระเนตรเห็นพระอรหันต์อันมาแต่ไกล พระอัสสคุตผู้มีอายุกว่าพระอรหันต์อยู่ในที่ใด สมเด็จพระอมรินทร์ปิ่นสุราลัยก็เข้าไปสู่สถานที่นั้น อภิวันท์นอบนบเคารพด้วยจิตศรัทธาจึงมีเทวบัญชาสนทนาปราศรัยไปกับพระอัสสคุตสังฆเถระผู้เฒ่าว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าพระผู้เป็นเจ้าพาพระภิกษุสงฆ์มานี้มากถึง ๑๐๐ โกฏิเพื่อประโยชน์จะปรารถนาวัตถุสิ่งไร จึงมานี่มากมายนักหนา
พระอัสสคุตตอบเทวบัญชาว่า มหาราช ดูกร อาตมภาพมาด้วยกิจธุระในพระพุทธศาสนา ยังมีบรมกษัตราธิราชองค์หนึ่งทรงพระนามชื่อว่า พระเจ้ามิลินท์ เป็นปิ่น ทวีปเกาะชมพู รู้เจนจบศิลปศาสตร์ ฉลาดที่จะสนทนาพาที มีพระเกียรติระบือลือชาหาผู้ใดที่ จะต่อต้านมิได้ ออกไปไถ่ถามปัญหาแก่พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา ด้วยติตถิยวาทวาจาเดียรถีย์ บัดนี้เบียดเบียนภิกษุสงฆ์มิให้สบาย ขอถวายพระพร อถโข สกฺโก เทวานมินฺโท อันดับนั้น สมเด็จอมรินทราธิราชจึงถามพระอัสสคุตว่า พระยามิลินท์ที่จุติไปแต่เทวโลกนี้หรือพระผู้เป็นเจ้า พระอัสสคุตก็ถวายพระพรว่า เอวํ มหาราช ดูกรมหาบพิตร คือ พระยามิลินท์องค์ นี้
แหละ สมเด็จอมรินทร์จึงมีเทวบัญชาว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า โยมนี้ก็เห็นแต่มหาเสน เทวบุตรอันอยู่ในวิมานเกตุมดีนั้น ปฏิพโล อาจจะสั่งสนทนาแก้กังขาของพระยามิลินท์ได้ โยมจะไปช่วยว่าวิงวอนอาราธนามหาเสนเทวบุตร ให้จุติจากวิมานไปเกิดในมนุษย์โลกนี้ให้ จงได้ ตรัสเท่านั้นแล้วสมเด็จท้าวโกสีย์เทวราช ก็ทรงเทวลีลาศโดยประเทศอากาศนำหน้าสงฆ์ ตรงเข้าสู่ประตูเกตุมดีวิมาน คมนาการเข้าไปถึงสำนักมหาเสนเทวบุตรผู้ปรีชา อาลิงฺคิตฺวา สมเด็จอมรินทร์เจ้าฟ้าก็สวมกอดมหาเสนเทวบุตรเข้าแล้ว จึงมีเทวบัญชาตรัสว่า มาริส ดูกรท่านผู้นิรทุกข์ พ่อเอ่ย บัดนี้พระภิกษุสงฆ์ขึ้นมาแต่ทวีปชมพูมนุษยโลก เพื่อจะอ้อน วอนให้เจ้าจุติ ไปบังเกิดในทวีปชมพูเจ้าจงเอ็นดู จุติลงไปในกาลนี้ ฝ่ายว่ามหาเสนเทวบุตรผู้ประกอบด้วยปรีชาจึงว่า ภนฺเต ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เห็นจะ ไม่ได้ ด้วยไปบังเกิดในมนุษย์นี้ต้องประกอบกรรมการงานที่จะเลี้ยงชีวิต ต้องกระทำการอัน เป็นทุจริตวุ่นวาย ข้าพระพุทธเจ้านี้เหนื่อยหน่ายนักหนา มีความปรารถนา เพื่อจะขึ้นไปเกิดใน ห้องเทวโลกชั้นบน คือ ชั้นอกนิษฐ์อันเป็นสุขเกษมศานต์ แล้วข้าพระพุทธเจ้าจะเจ้านิพพาน เสียที่ชั้นอกนิษฐ์นั้น พระอัสสคุตได้ฟัง จึงมีเถรวาจาอ้อนวอนว่า มาริส ดูกรท่านผู้นิรทุกข์อันมีแต่ความสุข เป็นเบื้องหน้า อนุโลกยมานา เมื่ออาตามาภาพทั้งปวงนี้ มาพิจารณาดูซึ่งนักปราชญ์อัน ประกอบด้วยปัญญาปรีชาทั่วทั้งมนุษยโลกกับทั้งเทวโลก น ปสฺสามิ ไม่เห็นใครที่จะองอาจ ยกย่องพระพุทธศาสนา ย่ำยีถ้อยคำพระยามิลินท์เสียได้ ดูกรมหาเสนเทวบุตรเอ๋ย อาตมา นี้เห็นอยู่ก็แต่ท่านผู้เดียวจะเชิดชูพระศาสนา ท่านจงรับคำรับวาจาให้ปฏิญาณที่จะจุติจาก วิมานลงไปบังเกิดในมนุษยโลกเถิด มหาเสนเทวบุตรผู้ประเสริฐ เมื่อพระอรหันต์ท่านว่ากล่าวอ้อนวอนถึง ๒ ครั้ง ๓ ครั้งก็ มิอาจจะขัดได้ จึงขอพรพระอรหันต์ว่า ขอให้ข้าพเจ้าเมื่อไปบังเกิดในมนุษย์นั้นอาจสามารถที่จะแก้ปัญหาพระยามิลินท์ให้สิ้นสงสัยทำลายเสียซึ่งถ้อยคำ มิให้เป็นเสี้ยนหนามในพระ พุทธศาสนามหาเสนเทวบุตรขอพรพระอรหันต์ได้แล้ว มีมโนน้ำใจนั้นชื่นบาน ก็ ถวายซึ่งปฏิญาณแก่พระอรหันต์ว่าจะจุติลงมาเกิดในมนุษยโลกนี้ แล้วก็ดุษณีภาพนิ่งอยู่ ฝ่ายพระอรหันต์ทั้งหลายรู้ว่า มหาเสนเทวบุตรรับปฏิญาณแล้ว ก็อันตรธานจากทิพยสถานวิมานฟ้า ลงมาปรากฏในหิมวันตบรรพตสถิตถ้ำรักขิตเลณะ พระอัสสคุตสังเถระผู้เฒ่า จึงถามสงฆ์ทั้งปวงว่า เมื่อเราให้ประชุมสงฆ์นั้น พระภิกษุรูปใดไม่มาบ้างหรือว่ามาสิ้นด้วยกัน ฯลฯ