นิทานเบื้องต้น [ปัญหาพระยามิลินท์]
ปัญหาพระยามิลินท์
นิทานเบื้องต้น
เดิมมีกษัตริย์ชาวโยนกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระเจ้ามิลินท์ เสวยราชสมบัติอยู่ในสาคลราชธานี พระองค์มีปรีชาเฉลียวฉลาดว่องไว สามารถทรงทราบเหตุการณ์ได้ทันท่วงที และมักพอพระราชหฤทัยในการไล่เลียงลัทธิต่างๆ จนนักปราชญ์ในสมัยนั้นครั่นคร้ามไม่กล้าจะทูลโต้ตอบพระราชปุจฉาได้ ก็ในสมัยนั้นมีพระเถระองค์หนึ่งชื่อว่า อัสสคุต อยู่ที่ถ้ำรักขิตคูหาณ ป่าหิมพานต์ เมื่อได้ทราบพระเกียรติคุณของพระเจ้ามิลินท์ ดังนั้นจึงประชุมสงฆ์ไต่ถามว่ารูปใดจะสามารถแก้ปัญหาถวายพระเจ้ามิลินท์ได้บ้างสงฆ์ทุกรูปต่างพากันนิ่ง พระอัสสคุตจึงว่า มีเทพบุตรฉลาดอยู่องค์หนึ่งชื่อว่า มหาเสน อยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นั่นแล จะเป็นผู้สามารถโต้ตอบกับพระเจ้ามิลินท์ได้ สังฆสมาคมจึงตกลงพร้อมกันขึ้นไปยังเทวโลก เล่าเรื่องและความประสงค์ให้พระอินทร์และมหาเสนเทพบุตรฟัง จนตลอด ครั้นอัญเชิญมหาเสนเทพบุตรได้สมประสงค์แล้ว จึงพากันกลับมายังมนุษยโลก แล้วจัดให้พระโรหณเถระเข้าไปเพาะความนิยมนับถือให้แก่ตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ซึ่งเป็นตระกูลที่มีมหาเสนเทพบุตรจะจุติลงมาเกิดจนตระกูลนั้นเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ฝ่ายมหาเสนเทพบุตร เมื่อรับอัญเชิญจากคณะสงฆ์แล้วก็จุติลงมาเกิดในตระกูลโสณุตตรพราหมณ์ ตำบลชังคลคามริมป่าหิมพานต์ ได้นามว่านาคเสนกุมาร เมื่อเติบโตขึ้น ก็ได้รับการศึกษาศิลปวิทยาจากสำนักครูทั้งหลาย ตลอดจนไตรเพท อันเป็นคัมภีร์สำคัญของพราหมณ์ ก็ได้ศึกษาจนชำนิชำนาญ ครั้นแล้วจึงมารำพึงว่า วิชาเหล่านี้ไม่มีแก่นสารอะไร ก็เกิดความเบื่อหน่าย อยู่มาวันหนึ่ง พระโรหณเถระเข้าไปฉันที่บ้านโสณุตตรพราหมณ์พอนาคเสนกุมารเห็นก็นึกแปลกทันที จึงเรียนถามว่าทำไมท่านจึงต้องโกนผม โกนหนวดและต้องนุ่งห่มผ้าเหลือง ครั้นรู้เหตุผล จึงเรียนถามอีกว่า คนเพศ เช่นท่านได้รับศึกษาวิชาอะไรบ้าง เมื่อได้รับตอบว่าได้รับศึกษา วิชาอย่างสูงสุดในโลก จึงไปขออนุญาตต่อบิดามารดาบวชเรียนบ้าง ครั้นบวชเป็นสามเณรแล้ว ก็เล่าเรียนพระไตรปิฎกในสำนักพระโรหณเถระ พออายุเต็ม ๒๐ ก็บวชเป็นพระภิกษุ ศึกษาต่อไปจนเชี่ยวชาญแตกฉานในพระไตรปิฎก เมื่อพระอัสสคุตรู้ว่า พระนาคเสนเชี่ยวชาญดีแล้วจึงนำไปหาพระอายุปาลเถระ ที่สังเขยบริเวณ (ใกล้พระราชวังพระเจ้ามิลินท์) เพื่อจะได้มีโอกาสถวายวิสัชนาพระราชปุจฉา วันหนึ่งพระเจ้ามิลินท์ตรัสถามเหล่าอำมาตย์ว่า เห็นมีใครบ้าง ซึ่งพอจะโต้ตอบกับเราได้ เหล่าอำมาตย์จึงกราบทูลว่า มีพระเถระอยู่รูปหนึ่งชื่อว่า อายุปาละ พอจะถวายวิสัชนา แก้ปัญหาของพระองค์ได้ เมื่อทรงทราบดังนั้นก็เสด็จไปหาพระอายุปาลเถระ ตรัสถามปัญหาแรก พระอายุปาลเถระก็ถวาย วิสัชนาให้ทรงสิ้นสงสัยไม่ได้ ขณะนั้นเทวมันติยอำมาตย์จึงกราบทูลว่า ยังมีพระภิกษุอยู่รูปหนึ่งชื่อว่า นาคเสนเป็นผู้มีปฏิภาณแตกฉานในพระไตรปิฎก พอพระเจ้ามิลินท์ทรงได้ยินนามว่านาคเสน ก็ทรงหวาดพระราชหฤทัย เพราะว่า เมื่อครั้นศาสนาพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเจ้ามิลินท์บวชเป็นสามเณรอยู่ในสำนักของพระนาคเสน (ซึ่งในครั้นกระนั้น ท่านเป็นพระภิกษุรูปหนึ่ง) วันหนึ่งพระภิกษุรูปนั้น (คือพระนาคเสน) กวาดหยากเยื่อกองไว้แล้วเรียกให้สามเณรมาขน สามเณรแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ท่านจึงบันดาลโทสะหยิบเอาไม้กวาดตีสามเณรๆ ก็จำใจขน ครั้นขนเสร็จแล้ว จึงตั้งความปรารถนาว่า ด้วยผลบุญแห่งการขนหยากเยื่อทิ้งนี้ ชาติต่อไป ขอให้มีเดชศักดานุภาพใหญ่หลวง และขอให้มีปัญญาเฉียบแหลมกว่าชนทั้งปวง พระภิกษุรูปนั้นรู้ว่าสามเณรตั้งสัตยาธิษฐานเช่นนั้น จึงปรารถนาบ้างว่า ด้วยเดชแห่งกุศลที่ข้าพเจ้าได้กวาดหยากเยื่อนี้ ชาติต่อไป ขอให้มีปฏิภาณว่องไว สามารถโต้ตอบปัญหาแม้ของ สามเณรนี้ได้ เมื่อพระเจ้ามิลินท์ทรงทราบข่าวจากเทวมันติยอำมาตย์ ดังนั้นจึงเสด็จไปหาพระนาคเสนยังที่อยู่....