ว่าด้วยคาถาของพระเรวตเถระ [เรวตเถรคาถา]
[เล่มที่ 52] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๓ - หน้าที่ 465
เถรคาถา จุททสกนิบาต
๑. เรวตเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระเรวตเถระ
[๓๘๑] นับแต่เราออกบวชเป็นบรรพชิตแล้ว ไม่รู้สึกถึงความ ดำริอันไม่ประเสริฐประกอบด้วยโทษเลย ในระยะกาล นานที่เราบวชอยู่นี้ เราไม่รู้สึกถึงความดำริว่า ขอให้สัตว์ เหล่านั้น จงถูกฆ่า ถูกเขาเบียดเบียน จงได้รับทุกข์ เรารู้สึกแต่การเจริญเมตตาอันหาประมาณมิได้ อบรมสั่ง- สมดีแล้วโดยลำดับ ตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้ว เราได้เป็นมิตรเป็นสหายของสัตว์ทั้งปวง เป็นผู้อนุเคราะห์ สัตว์ทั้งปวง ยินดีแล้วในการไม่เบียดเบียน เจริญเมตตาจิตอยู่ทุกเมื่อ เรายังจิตอันไม่ง่อนแง่น ไม่กำเริบให้ บันเทิงอยู่ เจริญพรหมวิหารอันบุรุษผู้เลวทรามไม่ซ่องเสพ
สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้เข้าทุติยฌานอัน ไม่มีวิตกวิจาร ประกอบด้วยความเป็นผู้นิ่งเป็นอริยะ โดย แท้จริง ภูเขาศิลาล้วนไม่หวั่นไหว ตั้งอยู่คงที่ แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้น ย่อมไม่หวั่นไหวดุจบรรพตเพราะสิ้นโมหะ ความชั่วแม้มีประมาณเท่าปลายขนทราย ย่อมปรากฏ เหมือนประมาณเท่าหมอกเมฆ แต่ท่านผู้ไม่มีกิเลสเครื่อง ยั่วยวน ผู้แสวงหาความสะอาดเป็นนิตย์ เมืองหน้าด่าน เป็นเมืองอันเขาคุ้มครองแล้ว ทั้งภายในและภายนอกฉันใด ท่านทั้งหลายจงคุ้มครองตนฉันนั้นเถิด ขณะอย่าได้ล่วง เลยท่านทั้งหลายไปเสีย เราไม่ยินดีต่อความตาย ไม่ เพลิดเพลินต่อความเป็นอยู่ แต่เรารอเวลาตาย เหมือน ลูกจ้างคอยให้หมดเวลาทำงานฉะนั้น เราไม่ยินดี ความตาย ไม่เพลิดเพลินต่อความเป็นอยู่แต่เรามีสติสัมปชัญญะรอท่า เวลาตาย พระศาสดาเราคุ้นเคยแล้ว เราทำคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้าเสร็จแล้ว ปลงภาระอันหนักลงแล้ว ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพแล้ว ได้บรรลุถึงประโยชน์ที่ กุลบุตรออกบวชเป็นบรรพชิตต้องการแล้ว บรรลุถึงความ สิ้นสังโยชน์ทั้งปวง ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อมเถิด นี้เป็นคำสอนของเรา เราจักอำลาท่าน ทั้งหลายปรินิพพานในบัดนี้ เพราะเราเป็นผู้หลุดพ้นแล้ว จากกิเลสทั้งปวง
จบ เรวตเถรคาถา