เมื่อยังไม่เห็นลายเสือ...แล้วจะเห็นเสือได้อย่างไร
ธรรมะคืออะไร สิ่งที่มีอยู่จริงที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ล้วนเป็นธรรมะ เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง ถ้าสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ในชีวิตประจำไม่ว่าทวารใดก็ตามยังไม่มีความเข้าใจ ก็ไม่มีทางที่จะรู้ หรือรู้ยิ่งธรรมะที่กำลังปรากฏได้ ในเมื่อยังไม่รู้ธรรมะที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้แล้วจะไปรู้ถึงธรรมะที่กำลังเกิดดับได้อย่างไร ผู้ที่ศึกษาธรรมหลายท่านมักจะใจร้อนอยากรู้การเกิดดับของธรรมะที่กำลังปรากฏ โดยที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจธรรมะที่มีอยู่จริงที่กำลังปรากฏ ท่านอาจารย์นิพัทธ์ได้กรุณาเปรียบเทียบให้ฟังว่า เมื่อยังไม่เห็นลายเสือ แล้วจะเห็นเสือได้อย่างไร???...
ขออนุโมทนาค่ะ...
เมื่อยังไม่เห็นลายเสือ แล้วจะเห็นเสือได้อย่างไร???...เป็นข้อความที่ฟังแล้วเห็นด้วยว่าเป็นความจริง..จะเห็นเสือต้องรู้จักลายเสือก่อนและรู้ว่าเสือดาวมีลายอย่างไร เสือปลามีลายอย่างไร...ต้องเป็นไปตามลำดับ..หรือเช่นจบอนุบาลแล้วจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยเลยคงเป็นไปไม่ได้..แต่อย่างไรก็ตามปุถุชนโดยทั่วไปยังมีโลภะอดไม่ได้ที่จะมีความอยากได้อยากรู้ในสิ่งที่คาดหวังโดยเร็ว..
ถึงแม้ศึกษาธรรม..เป็นไปเพื่อการละอย่างเดียวก็ยังมีความอยากได้...อยากได้ปัญญามากๆ ถึงสติปัฏฐานไวๆ ทั้งที่รู้ว่าการสะสมปัญญาเปรียบด้วยการจับด้ามมีดซึ่งป็นไปอย่างช้าๆ หากจับบ่อยๆ ก็สึกไว...ปล่อยมือบ่อยๆ ด้ามมีดก็สึกช้า...แม้รู้ก็หลงลืมไปว่าในขณะที่อยากได้สติปัฏฐานเป็นโลภะเป็นอกุศล..ในขณะะนั้นไม่ได้จับด้ามมีด..ปิดกั้นหนทางที่จะเจริญปัญญา..เพราะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏยังไม่รู้แล้วจะรู้สภาพธรรมที่แท้จริงได้อย่างไร........ลืมคำเตือนที่ว่าเมื่อยังไม่เห็นลายเสือ แล้วจะเห็นเสือได้อย่างไร
" ถ้าสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ในชีวิตประจำไม่ว่าทวารใดก็ตามยังไม่มีความเข้าใจ .."
ช่วยยกตัวอย่างหรืออธิบายขยายความได้ไหมค่ะว่าอย่างไรถึงจะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้อง ขอบพระคุณค่ะ
"ถ้าสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ในชีวิตประจำไม่ว่าทวารใดก็ตามยังไม่มีความเข้าใจ .."
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้รู้ว่า สิ่งที่ควรเข้าใจก็คือสิ่งที่กำลังปรากฏ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นของจริงเป็นธรรมะ สิ่งที่กำลังปรากฏก็ไม่พ้นจากทวารทั้ง ๖ คือทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ควรศึกษาให้เข้าใจว่าทางตา จิตเห็นเป็นสิ่งที่มีจริงเป็นธรรมะเป็นนามธรรม และสิ่งที่ปรากฏกับจิตเห็นก็มีจริงเป็นธรรมะ เป็นรูปธรรม ค่อยๆ อบรมให้เกิดความเห็นถูกเข้าใจถูกในลักษณะจริงๆ ของนามธรรม และรูปธรรมธรรม ส่วนทวารอื่นๆ ก็นัยเช่นเดียวกับทางตา ในชีวิตประจำวันแท้จริงแล้ว สิ่งที่กำลังปรากฏแต่ละทวารเป็นแต่เพียงธรรมะเป็นเพียงจิต เจตสิก รูปที่เกิดขึ้น และดับไป สืบต่อกันไปอย่างรวดเร็ว แต่เพราะความไม่รู้จึงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา
...ขออนุโมทนาค่ะ...