ไม่กลัวตาย แต่ ดีใจหากได้ตาย
เมื่อเรารู้สึกว่าเราพร้อมจะตายแล้ว หรือรู้สึกเบื่อหน่ายในชีวิต แต่ยังต้องดำรงชีวิตอยู่ต่อ
ไปในความเบื่อหน่ายโลกเหล่านี้ เราจะทำนิพพานให้แจ้งได้อย่างไร
หากเบื่อหน่ายด้วยปัญญา หมายถึงพระอรหันต์ที่บรรลุธรรมแล้วใช่หรือไม่?
ความเบื่อที่มีน่าจะเบื่อหน่ายด้วยกิเลส พยายามพิจารณาสภาวะที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่และ
ดับไป แต่น่าจะเป็นแค่ระดับความคิด
เคยมีบางครั้งรู้สึกจิตปล่อยวาง โล่ง เบาสบาย มีความเป็นอิสระอย่างบอกไม่ถูก ไม่ยึด
ติดสิ่งใดเลย แม่แต่ ร่างกาย จิตใจ แต่สภาวะนั้นเกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง
หนทางเดินปัญญาที่แนะนำมามีรายละเอียดอย่างไร?
มีบุคคลใดบ้างที่จิตถึงนิพพานแล้ว เราจะหาได้ที่ไหน?
ขอขอบคุณบุคคลที่มีจิตบริสุทธิ์ทุกท่าน ผู้ที่รู้ธรรมแล้ว ผู้พ้นแล้วทุกคน
ขันธ์ทั้งหลาย เรากำหนดรู้แล้ว ตัณหาเราถอนขึ้นแล้ว โพชฌงค์เราเจริญแล้ว ความสิ้นไปแห่งอาสวะเราบรรลุแล้ว ครั้นเรากำหนดรู้ขันธ์ทั้งหลายแล้ว ถอนข่าย คือ ตัณหา ได้แล้ว ยังโพชฌงค์ให้เจริญแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะ จักนิพพาน
(เถรคาถา ทุกนิบาต วรรคที่ ๓ อุตตรเถรคาถา)
ตราบใดไม่สิ้นกิเลสตายแล้วต้องเกิดอีก....เบื่ออีก...:ซึ่งอาจไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ (ที่
กำลังเบือโลก) เพราะการเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยากจึงควรใช้ชีวิตอย่างมีประโยชน์...
ด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังธรรม น้อมประพฤติปฏิบัติตาม....เพื่อละคลายอกุศลที่เป็น
เหตุของความเบื่อฯลฯ...และสะสมปัญญาละกิเลสทั้งสิ้นเพื่อจะได้ไม่ต้องเกิดอีก
เชิญคลิกอ่าน...
สัตว์ที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อยเหมือนฝุ่นติดปลายเล็บ [นขสิขสูตร]
ข้อธรรม อันประเสริฐที่ท่านแจ้งให้ทราบนั้น ข้าพเจ้าก็รู้อยู่ !
จุดมุ่งหมายของข้าพเจ้า คือ การละกิเลส และไม่เกิดอีก
หากแสวงหาครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้าได้ ก็น่าจะเป็นเหมือนศิษย์มีครูผู้ชี้ทางลัดตรง
ข้าพเจ้าพยายามเจริญปัญญา เพียรรู้ตามจริง พิจารณาสภาวธรรมทั้งหลายที่เกิด
พิจารณามรณานุสติโดยตลอด
นิพพานังสุขัง
หากแสวงหาครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอริยเจ้าได้ ก็น่าจะเป็นเหมือนศิษย์มีครูผู้ชี้ทางลัด
ตรง-การรู้ว่าใครเป็นพระอริยเจ้าได้ผู้นั้นต้องเป็นพระอริยเจ้า...รายละเอียด
เชิญคลิกอ่าน.....
จะรู้บุคคลใดต้องมีปัญญาเท่าบุคคลนั้น [ปฐมโกกาลิกสูตร]
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระผุ้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ยามใดได้รับ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็รื่นเริงอยู่ใน การได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส นึกคิด... ว่า สุขหนอ สุขหนอ...ยามใด เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ได้นินทา ทุกข์ แม้ยังได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส นึกคิด...แต่ที่เคยรื่นเริง กลับมืดมน ที่เคยสุข กลับกลายเป็นทุกข์ และสำหรับผู้ไม่เคยศึกษาธรรม ไม่เคยฟังธรรม ขององค์องค์สมเด็จพระผุ้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมยึดถือความมืดมน ความทุกข์นั้นๆ ว่าเป็นของตนและคิดเบื่อหน่ายมากขึ้น เมื่อความผิดหวังมีกำลังความตายจากความทุกข์โทรมนัสที่คิดว่าสาหัส น่าจะเป็นทางออกที่ดี?แต่ลืมคิดไปว่า ถึงตายแล้ว ก็ยังต้องเกิดอีก และเป็นการสะสมของจิตด้วยว่า เมื่อไรที่ทุกข์ก็คิดแต่อยากตายหนทางมี เพราะพระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ถึง 45 พรรษา...หากอยากตาย และไม่ต้องเกิดอีก...
ดังที่ ท่านอ สุจินต์ ได้เคยแสดงไว้
"มีชีวิตอยู่เพื่อปัญญาปรากฏ"และจนกว่า...จะ
"มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญาที่ปรากฏ"ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ