ว่าด้วยคนพาลและบัณฑิต [อัจจยสูตร]
[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒[เล่มที่ 25] - หน้าที่ 523
๔. อัจจยสูตร ว่าด้วยคนพาลและบัณฑิต
[๙๕๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ อยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุสองรูปโต้เถียงกัน ในการโต้เถียงกันนั้น ภิกษุรูปหนึ่งได้พูดล่วงเกิน. ครั้งนั้นแล ภิกษุผู้พูดล่วงเกินนั้นแสดงโทษโดยความเป็นโทษ (รับผิดและขอโทษ) ในสำนักของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นไม่รับ.
[๙๕๓] ครั้งนั้นแล ภิกษุเป็นอันมาก พากันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่งอยู่ ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง เมื่อนั่ง ณ ที่ควรส่วนหนึ่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส ภิกษุสองรูปได้เถียงกัน ในการโต้เถียงกันนั้น ภิกษุรูปหนึ่งได้พูดล่วงเกิน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ลำดับนั้น ภิกษุผู้พูดล่วงเกินแสดงโทษโดยความเป็นโทษในสำนักของภิกษุนั้น ภิกษุนั้นไม่รับ พระพุทธเจ้าข้า.
[๙๕๔] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลมี ๒ จำพวกนี้ คือ ผู้ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑ ผู้ไม่รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลมี ๒ จำพวกนี้แล. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัณฑิตมี ๒ จำพวกนี้ คือผู้เห็นโทษโดยความเป็นโทษ ๑ ผู้รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัณฑิตมี ๒ จำพวกนี้แล.
[๙๕๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ท้าวสักกะจอมเทพ เมื่อจะทรงยังเทวดาชั้นดาวดึงส์ให้พลอยยินดี ณ สุธรรมาสภา จึงได้ตรัสพระคาถานี้ในเวลานั้นว่า ขอความโกรธ จงอยู่ในอำนาจของท่านทั้งหลาย ขอความเสื่อมคลายในมิตรธรรม อย่าได้เกิดมีแก่ท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย อย่าได้ติเตียนผู้ที่ไม่ควรติเตียน และอย่าได้พูดคำส่อเสียดเลย ก็ความโกรธ เปรียบปานดังภูเขา ย่อมย่ำยีคนลามก.
อรรถกถาอัจจยสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในอัจจยสูตรที่ ๔ ต่อไปนี้ :-
บทว่า สมฺปโยเชสุ แปลว่า ทะเลาะกัน.
บทว่า อจฺจสรา ได้แก่ ล่วงเกิน. อธิบายว่า ภิกษุรูปหนึ่ง ได้กล่าวคำล่วงเกินภิกษุรูปหนึ่ง.
บทว่า ยถาธมฺมํ น ปฏิคฺคณฺหาติ ได้แก่ ไม่ยกโทษ.
บทว่า โกโธ โววสมายาตุ ท่านแสดงว่า ความโกรธจงมาสู่อำนาจของพวกท่าน พวกท่าน อย่าไปสู่อำนาจของความโกรธ.
คำว่า หิ ในบทนี้ว่า มา จ มิตฺเต หิ โว ชรา เป็นเพียงนิบาต. ความเสื่อมในมิตรธรรม อย่าเกิดแก่พวกท่าน.
อีกอย่างหนึ่ง ตติยาวิภัตติลงในอรรถแห่งสัตตมีวิภัตติ. อธิบายว่า ความเสื่อมในมิตรธรรมอย่าเกิดแล้ว คือว่าความเป็นโดยประการอื่นจากความเป็นมิตรจงอย่ามี.
บทว่า อครหิยํ มา ครหิตฺถ ความว่า อย่าติเตียนผู้ไม่ควรติเตียน คือบุคคลผู้เป็นขีณาสพ.
จบอรรถกถาอัจจยสูตรที่ ๔