มหากุศลญาณสัมปยุตต์

 
email
วันที่  20 ก.ค. 2549
หมายเลข  1643
อ่าน  6,433
มหากุศลญาณสัมปยุตต์ หมายความว่าอย่างไร

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 21 ก.ค. 2549

มหากุศลญาณสัมปยุตต์ เป็นชื่อของจิตประเภทหนึ่งเมื่อเกิดขึ้นมีปัญญาเกิดร่วมด้วยคือเป็นจิตที่ดีงาม มีเจตสิกฝ่ายดีเกิดร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก เช่น ศรัทธา สติ หิริโอตตัปปะ อโลภะ อโทสะ ปัญญา เป็นต้น

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pornchai.s
วันที่ 21 ก.ค. 2549

ถ้าเป็นกุศลจิต ที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ก็เรียกว่า มหากุศลญาณวิปยุตต์ ในชีวิตประจำวัน กุศลเกิดยากอยู่แล้วครับ ถ้าเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาก็ยิ่งยากมากขณะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง ไม่ว่าจากการฟัง อ่าน หรือพิจารณาพระธรรม เป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
895228
วันที่ 21 ก.ค. 2549

แล้วขณะที่อยู่กับธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร พิจารณาก้อนหิน ใบไม้ ซากสัตว์ที่ตายแล้ว จะเป็นปัญญา ได้ไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
study
วันที่ 23 ก.ค. 2549

ปัญญาไม่ได้ขึ้นกับสถานที่เวลาหรืออารมณ์ แต่ปัญญาเป็นความรู้ความเข้าใจความจริง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tanya
วันที่ 23 ก.ค. 2549

กุศลมี 2 ระดับ ระดับที่เป็นกุศลธรรมดาเช่นการให้ทานแล็กๆ น้อยๆ การไปทำบุญตามประเพณีหรือการทำทานตามคำสอนของบิดามารดา โดยผู้ทำทำไปโดยไม่รู้ว่า เป็นการละคลายกิเลสอย่างไร อย่างนี้ถือว่าไม่ประกอบไปด้วยปัญญา เรียกว่าญาณวิปปยุตต์ แต่ถ้าหากมีการทำทานที่ผู้กระทำเข้าใจอยู่ว่า การตระหนี่เป็นอกุศล การช่วยเหลือ หรือให้ไป เป็นการลดอกุศล ลดมัจฉริยะเจตสิก ละคลายการหวงแหนติดข้อง เป็นการสงเคราะห์ผู้อื่น การสละขั้นทานนี้ยังเป็นกุศลเพียงขั้นน้อยๆ ยังมีกุศลขั้นอื่นๆ อีกที่ยากกว่า ทำไมจึงมัวตระหนี่อยู่อย่างนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าใจในหลักคำสอน จึงเรียกว่าญาณสัมปยุตต์ นอกจากขั้นทานแล้วก็ยังมีขั้นศีล ขั้นภาวนาอีกที่จำเป็นต้องมีความเข้าใจในหลักของปริยัติธรรม จึงจะเป็นญาณสัมปยุตต์ มีปัญญาประกอบ ส่วนคำว่ามหานำหน้านั้นไม่จำเป็นว่าต้องแปลว่าเป็นความยิ่งใหญ่นะ อาจจะแปลว่าหลายๆ ประเภทก็ได้
สำหรับการไปอยู่กับธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร ถ้าหากได้ศึกษาพระธรรมมาอย่างถูกต้อง แล้วไปอยู่เพื่อให้เป็นที่สัปปายะ คือห่างจากสิ่งยั่วยุวุ่นวาย แล้วพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฎตามความเป็นจริง อย่างนี้อาจเป็นปัญญาได้ แต่ถ้าไปอยู่เพื่อพักผ่อน นอนหลับสบาย เก็บก้อนหิน ชมพรรณไม้ไปเรื่อยๆ ก็เป็นไปกับการเพลิดเพลินปัญญาก็ไม่เกิดหรอก เจอซากสัตว์ ที่ตายแล้ว ก็มีแต่เหม็นอย่างเดียวเท่านั้นแหละ
บางคนได้ยินเพื่อนบอกว่าไปอยู่ ธุดงค์แบบพระป่านั่นแหละ ดี ปลีกวิเวก ไปลองอยู่ดูเถอะ ตอนกลางวัน มีเพื่อนๆ หลายๆ คน ก็พออยู่ได้หรอก ตกกลางคืน หรือมีคนน้อยๆ ยุง แมลง ทั้งร้อน ทั้งหนาว จะไปอึ ไปฉี่ ลำบากทั้งกายและใจ ได้ยินเสียง อะไรนิดหน่อย ก็นึกเอาเองว่าผีหลอกแล้ว กลับบ้านดีกว่า ธัมโม ธัมมะ ไม่เอาแล้ว อย่างนี้ ปัญญาที่ไหนจะมาเกิดเล่า การศึกษาธรรมะ ก็มีขั้นตอนเหมือนกัน หลายท่านไปก้าวกระโดด แบบว่ายังไม่รู้ขั้นพื้นฐานธรรมดา ก็จะออกไปเสาะหาวิธีแปลกๆ พิสดาร ไปฝืนธรรมชาติ หรือไปเชื่ออะไรผิดๆ แล้วก็คิดอาเองว่าตัวเองสำเร็จแล้ว เข้าโรงพยาบาลบ้า ไปไม่ใช่น้อยเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
895228
วันที่ 23 ก.ค. 2549

สถานที่สัปปายะ จะช่วยในเรื่องการปฏิบัติธรรมไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
study
วันที่ 24 ก.ค. 2549

ในอรรถกถาหลายแห่งกล่าวถึงสถานที่สัปปายะ มีส่วนทำให้การเจริญกรรมฐานได้ดี แต่ข้อที่สำคัญควรจะอยู่ที่ข้อปฏิบัติเป็นสำคัญ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
saowanee.n
วันที่ 24 ก.ค. 2549

การเลือกสถานที่เป็นการจำกัดปัญญาของตัวเอง การเจริญสติปัฏฐานคือการมีปรมัตถธรรมเป็นอารมณ์ คือ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
muda muda
วันที่ 5 ส.ค. 2566

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ ประโยชน์อย่างยิ่งเจ้าค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ก.ไก่
วันที่ 27 ต.ค. 2567

ขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ