สมาธินทรีย์ [พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ 7]

 
Khaeota
วันที่  14 มิ.ย. 2553
หมายเลข  16454
อ่าน  5,208

พระอภิธัมมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ 7 สมุจจยสังคหวิภาค หน้า 31 - 33

๑๘. สมาธินทรีย์ เป็นใหญ่ในการทำให้จิตเป็นสมาธิตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ที่ตนต้องประสงค์องค์ธรรมได้แก่ เอกัคคตาเจตสิก ที่ในวิริยจิต ๗๒ หรือ ๑๐๔ (เว้นวิจิกิจฉาสหคตจิต ๑) อนึ่งข้อสังเกตในการแสดงองค์ธรรม ที่กล่าวไว้ตอนท้ายแห่งฌานังคะ ๗ นั้น มีความเกี่ยวแก่อินทรีย ๒๒ นี้อยู่ ๒ ประโยค คือ เอกัคคตาเจตสิกในอวีริยจิต ๑๖ ย่อมไม่ถึงซึ่งสมาธินทรีย์ ประโยคหนึ่ง และ เอกัคคตาเจตสิกในวิจิกิจฉาสัมปยุตตจิต ย่อมไม่ถึงซึ่งสมาธินทรีย์ อีกประโยคหนึ่ง อวีริยจิตคือ จิตที่ไม่มีวิริยเจตสิกประกอบ มีจำนวน ๑๖ ดวง ได้แก่ ทวิปัญจวิญญาณ ๑๐ สัมปฏิจฉนจิต ๒ สันตีรณจิต ๓ และ ปัญจทวาราวัชชนจิต อีก ๑ นั้น ก็คือ อเหตุกจิต ๑๖ เว้นมโนทวาราวัชชนจิต ๑ หสิตุปปาทจิต ๑ เพราะจิต ๒ ดวงนี้ มีวิริยเจตสิกประกอบมีอธิบายว่า เอกัคคตาเจตสิกที่ในอวีริยจิต ๑๖ เป็นเอกัคคตาที่ใน อเหตุกจิต อเหตุกจิตเป็นจิตที่ไม่มีสัมปยุตตเหตุ จึงมีกำลังน้อย กำลังอ่อน เอกัคคตาเจตสิกที่ ประกอบก็มีกำลังน้อยกำลังอ่อนไปตามฐานะของจิตนั้นด้วยซ้ำยังไม่มีวิริยะ คือ ความกล้าความเพียรมาช่วยส่งเสริมอุดหนุนอีกด้วยดังนี้ จะครองความเป็นใหญ่ได้อย่างไร เมื่อไม่สามารถจะเป็นใหญ่ได้ จึงไม่จัดเป็นอินทรีย์ ส่วนเอกัคคตา ที่ในวิจิกิจฉาสัมปยุตตจิตนั้น ก็เป็นจิตที่ลังเล สงสัยไม่แน่ใจ ลักษณะเช่นนี้ จึงไม่สามารถที่จะเป็นผู้ปกครองหรือครองความเป็นใหญ่ได้ ดังนั้นจึง ไม่นับเป็นอินทรีย์ มิสสกสังคหะกองที่ ๕ พละ ๙


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ธ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ