ละบาป-ละบุญ
ผู้ที่ละบาปและละบุญได้แล้ว คือพระอรหันตขีณาสพ ดับกิเลสได้หมดแล้ว
เมื่อกิเลสไม่มี การกระทำและคำพูดในชีวิตประจำวันก็เป็นเพียงอัพยากตะ
คือเป็นกิริยาจิต ไม่ใช่บุญที่จะส่งผลอีกต่อไปครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔-หน้าที่ 500
เรื่องพระเรวตเถระ [๒๙๒] พระขีณาสพไม่มีบุญและบาป
พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า " ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกันด้วยกถาอะไรหนอ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า " ด้วย กถาชื่อนี้ " จึงตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย บุญย่อมไม่มีแก่บุตรของเรา,บาปก็มิได้มี; บุญบาปทั้งสองเธอละเสียแล้ว" ดังนี้แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า:-
" ผู้ใดล่วงบุญและบาปทั้งสอง และกิเลสเครื่อง
ข้องเสียได้ในโลกนี้, เราเรียกผู้นั้น ซึ่งไม่มีความโศก มีธุลีไปปราศแล้ว ผู้บริสุทธิ์แล้ว ว่าเป็นพราหมณ์." อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลจากกิเลสทั้งหลายทั้งปวง เป็นผู้ทำลายข้าศึกคือกิเลสได้หมดสิ้น เป็นผู้ไม่มีภพใหม่อีกต่อไป หลังจากที่ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีทั้งบาป ไม่มีทั้งบุญ จิตของท่านมีเพียง ๒ ชาติเท่านั้น คือ ชาติวิบาก
(ขณะที่ได้รับผลของกรรม) และชาติกิริยา (เพียงเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เท่านั้น ไม่เป็นปัจจัยให้เกิดผลข้างหน้า) เช่น พระอรหันต์แสดงธรรมเกื้อกูลผู้อื่น ขณะนั้นเป็นกิริยาจิตเป็นต้น พระอรหันต์ไม่มีกุศลจิตและไม่มีอกุศลจิต เลย และเมื่อดับขันธปรินิพนิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก จึงเป็นผู้ดับวัฏฏะได้อย่างเด็ดขาด
ประการสำคัญที่ควรพิจารณา คือ การบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เริ่มตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล ถึง ความเป็นพระอรหันต์ นั้น ต้องเป็นผู้ที่สะสมอบรมเจริญปัญญา สะสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และต้องเป็นผู้ดำเนินตามทางที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ คือ การอบรมเจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น ครับ. ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายค่ะ