ภิกษุที่ไม่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมวินัย [อลคัททูปมสูตร]
[เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๒๘๒
[๒๗๖] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งมาว่ามานี่ภิกษุ เธอจงเรียกอริฏฐภิกษุผู้เป็นเหล่ากอของคนฆ่าแร้งมาตามคำของเราว่า พระศาสดาเรียกท่านภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึงเข้าไปหาอริฏฐภิกษุผู้เป็นเหล่ากอของคนฆ่าแร้งถึงที่อยู่ แล้วกล่าวว่า ท่านอริฏฐะ พระศาสดาเรียกท่าน, อริฏฐภิกษุรับคำภิกษุนั้น แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ถวายอภิวาทแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะอริฏฐภิกษุ ผู้เป็นเหล่ากอของคนฆ่าแร้งว่า อริฏฐะ ได้ยินว่า ทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้บังเกิดขึ้นแก่เธอว่า ข้าพเจ้ารู้ถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว โดยประการที่ธรรมทั้งหลายที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า เป็นธรรมกระทำซึ่งอันตราย ธรรมเหล่านั้นไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้ส้องเสพได้จริงดังนี้ จริงหรือ?.
อริฏฐภิกษุกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์รู้ถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว โดยประการที่ธรรมทั้งหลายที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า เป็นธรรมกระทำซึ่งอันตราย ธรรมเหล่านั้นไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้ส้องเสพได้จริง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ เธอรู้ถึงธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างนี้แก่ใครเล่า ธรรมทั้งหลายเรากล่าวว่าเป็นธรรมกระทำซึ่งอันตรายโดยอเนกปริยายมิใช่หรือ ก็แหละ ธรรมเหล่านั้นสามารถทำอันตรายแก่ผู้ส้องเสพได้จริง เรากล่าวกามทั้งหลายซึ่งมีความยินดีน้อยมีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก โทษในกามเหล่านั้นมีอยู่อย่างยิ่ง เรากล่าวกามทั้งหลายมีอุปมาด้วยร่างกระดูก... มีอุปมาด้วยชิ้นเนื้อ. . . มีอุปมาด้วยคบหญ้า... มีอุปมาด้วยหลุมถ่านเพลิง... มีอุปมาด้วยความฝัน... มีอุปมาด้วยของขอยืม...มีอุปมาด้วยผลไม้... มีอุปมาด้วยเขียงหั่นเนื้อ... มีอุปมาด้วยหอกและหลาว... มีอุปมาด้วยศีรษะงูพิษ มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก โทษในกามเหล่านั้นมีอยู่อย่างยิ่ง โมฆบุรุษ เธอกล่าวตู่เรา ขุดตนเองและประสบบาปมิใช่บุญเป็นอันมากด้วยทิฏฐิอันชั่ว อันตนถือเอาชั่วแล้ว กรรมนั้นแลจักมีแก่เธอเพื่อสิ่งไม่เป็นประโยชน์เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน
ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้นนั้นเป็นไฉน เออก็อริฏฐภิกษุผู้เป็นเหล่ากอของคนฆ่าแร้งนี้ แม้จะกระทำญาณให้สูงขึ้นในพระธรรมวินัยนี้ได้หรือ. ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความสูงขึ้นแห่งญาณอะไรเล่า จะพึงมีได้ ก็ความสูงขึ้นแห่งญาณนั้นจักมีไม่ได้เลย. เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลอย่างนี้แล้ว อริฏฐภิกษุเป็นผู้นิ่งเก้อเขิน นั่งคอตก ซบเซา หมดปฏิภาณ. ฯลฯ