ขณะนี้...มีใจสบายหรือเปล่า ?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากการสนทนาธรรม
วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ "วันวิสาขบูชา"
โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
และ คณะวิทยากร ถอดเทป โดย
คุณย่าสงวน สุจริตกุล
.
ท่านอาจารย์สุจินต์ ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งในการสนทนาธรรม ว่า
ก่อนที่พระผู้มีพระภาคฯ จะแสดงธรรม จะทรงมีพระดำรัสว่า "จงเป็นผู้มีใจสบาย"
แล้วท่านอาจารย์ก็ถามว่า ขณะนี้ มีใจสบายหรือเปล่า
ก่อนที่พระผู้มีพระภาคฯ จะตรัส "รัตนสูตร" เมื่อครั้งที่เสด็จไปที่เมืองเวสาลีในขณะที่เมืองนั้นกำลังประสบภัย ทุกหนทุกแห่งมีภัย แล้วแต่ว่าจะเป็นภัยประเภทไหน ภัยที่เกิดจากโรคร้าย มีผู้คนล้มตายมากมาย จนกระทั่งมีผู้ที่เห็นว่า จะสงบลงได้ ด้วย ธรรม ไม่ใช่ด้วยเหตุอื่น
เพราะฉะนั้น จึงได้ทูลเชิญพระผู้มีพระภาคฯ ให้เสด็จไปยังเมืองเวสาลีเมื่อพระผู้มีพระภาค เสด็จไปถึงแล้วพระองค์ยังไม่ทรงแสดง "รัตนสูตร" ในทันที
เพราะอะไร เช่น ขณะนี้ ทุกคนที่กำลังนั่งอยู่ที่นี่ ต่างคนต่างคิด จิตเป็นกุศลบ้าง จิตเป็นอกุศลบ้าง แล้วจะฟังพระธรรมเข้าใจไหม ก่อนอื่น พระผู้มีพระภาคฯ ตรัสว่า "จงเป็นผู้มีใจสบาย" ไม่ทราบว่า...ตอนนี้สบายหรือเปล่า
คำว่า "ใจสบาย" ที่พระผู้มีพระภาคตรัสนั้นไม่ได้หมายถึง "อกุศลธรรม" แต่ต้องหมายถึง "กุศลธรรม"
เพราะฉะนั้น ขณะใด ที่กำลังมี "ศรัทธา" ที่จะฟังพระธรรม ด้วยความเคารพ ในความละเอียดของพระธรรม ขณะนั้นก็จะค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่กำลังได้ยินได้ฟังคือ เข้าใจ ว่า มีค่า เปรียบกับอะไรไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าสิ่งนี้ สามารถที่จะทำให้เกิดความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ในสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งก็คือ "สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ" ที่กำลังเผชิญหน้าอยู่ ในขณะนี้ เข้าใจเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจนกว่าจะรู้จัก "ธรรมะ" จริงๆ แล้วก็มี "ความเห็นถูก" ว่า การที่สังสารวัฏฏ์ดำรงอยู่ และ ยังต่อไปอีกเรื่อยๆ ก็เพราะเหตุ คือ มีปัจจัยที่ทำให้ดำรงอยู่อย่างนั้น
.
แม้ในขั้นต้น คือ ขณะนี้ ใจสบายหรือเปล่า.? ตอบได้เอง ใช่ไหม เดี๋ยวก็สบาย เดี๋ยวก็ไม่สบายห มายความว่า เดี๋ยวก็เป็นกุศลธรรม เดี๋ยวก็เป็นอกุศลธรรม.
พระธรรมทั้งหมด ต้องสอดคล้องกันเช่น ที่กล่าว่า "ศีล สมาธิ ปัญญา" ขณะนี้ "ศีล" คืออะไร (ศีล แปลว่า ปกติ)
สำคัญในการฟังพระธรรมนั้นคือ เมื่อกล่าวถึงคำใด ต้องเข้าใจในคำที่กล่าวทุกคำให้ถูกต้องและชัดเจน ขณะนี้ ไม่ได้ผิดศีลที่ไหนเลย ขณะนี้ กำลังมีศีลหรือเปล่า
ขณะที่กำลังฟังพระธรรมด้วยความนอบน้อมในพระธรรมขณะที่ฟังพระธรรม ด้วยจิตที่เห็นคุณค่าของพระธรรมขณะนั้น เป็น "ศีล" เป็นความนอบน้อมด้วยใจ คือ ระลึกถึงคุณค่าของพระธรรม นอบน้อมด้วยกาย คือ ตั้งใจฟังด้วยความเคารพในพระธรรมและ นอบน้อมด้วยวาจา คือ การไม่กล่าวคำที่ไม่มีประโยชน์
ในขณะนั้นจะทราบได้ว่า แม้แต่การฟังเรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญาหรือ ความเป็นผู้มีใจสบาย ก่อนที่จะฟังพระธรรมก็เพื่อ "ผล" คือ ความมั่นคงในกุศลธรรม เพราะ "เหตุ" คือ ในขณะที่มีความนอบน้อมต่อพระธรรม นอบน้อมต่อการศึกษาพระธรรม และ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ ด้วยความเข้าใจในคุณค่าของพระธรรมจริงๆ จิตใจที่มั่นคงในกุศลธรรมที่กล่าวมานั้นเอง เป็น "เหตุ" เป็นปัจจัยให้เกิด "ผล" คือ "ปัญญา" สามารถเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง.
.
ขออนุโมทนา
เมื่อความเป็นตัวตนคั่นอยู่
ก็สบายบ้าง ไม่สบายบ้าง
ไม่สบายใจ
เมื่อเป็นเราค่ะ
กุศลและอกุศล
ไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา (ของใคร)
อนุโมทนา
ความเป็นผู้มีใจสบายก่อนที่จะฟังพระธรรม คือขณะที่จิตเป็นกุศล คือ ในขณะที่มีความนอบน้อมต่อพระธรรม นอบน้อมต่อการศึกษาพระธรรม และ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพด้วยความเข้าใจในคุณค่าของพระธรรมจริงๆ จิตใจที่มั่นคงในกุศลธรรมที่กล่าวมานั้นเอง เป็น"เหตุ" เป็นปัจจัยให้เกิด "ผล" คือ "ปัญญา" สามารถเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง....
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...