การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด.

 
พุทธรักษา
วันที่  1 ก.ค. 2553
หมายเลข  16624
อ่าน  1,982

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางตอนจากการสนทนาธรรม วันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓ "วันวิสาขบูชา"

ณ อาคารมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

โดย ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร

ถอดเทป โดย คุณสงวน สุจริตกุล

ท่านอาจารย์ ขณะนี้ นายช่างเรือน อยู่ไหน แม้เมื่อพระผู้มีพระภาคฯ ยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์ ก็ยังไม่ทรงเปล่งอุทานอย่างนี้ จนกระทั่งเมื่อทรงตรัสรู้ จึงทรงเปล่งคำอุทานด้วยความโสมนัสที่ทรงทอดพระเนตรเห็น "นายช่างผู้สร้างเรือน" ต้องเป็น "ปัญญา" จึงจะเห็น

เมื่อพระผู้มีพระภาคฯ จะทรงเปล่งอุทานที่พระพุทธเจ้าหลายแสนพระองค์ไม่ทรงละแล้วจึงได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ ว่า เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ มีชาติเป็นเอนก ความเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์ แน่ะ นายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่านแล้ว ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้ ซี่โครงทุกซี่ของท่าน เราหักเสียแล้ว ยอดเรือน เราก็รื้อเสียแล้ว จิตของเรา "ถึงธรรม" ปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้วเพราะเรา "บรรลุธรรม" ปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว เพราะเราบรรลุธรรม สิ้นตัณหาแล้ว

เรือน คือ สังสารวัฏฏ์ สังสารวัฏฏ์ คือ ขณะนี้เอง ถ้าไม่มีเรือน คงไม่ต้องมีนายช่าง ใช่ไหม แต่เมื่อมีนายช่างผู้สร้างเรือน ก็มีเรือน

เพราะฉะนั้น พระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงแสดงละเอียด ลึกซึ้ง และต้อง ไตร่ตรอง พิจารณา ให้เข้าใจจริงๆ เพราะเหตุว่าผู้ที่ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงคือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 1 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ajarnkruo
วันที่ 1 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาครับ

ขอเชิญคลิกฟัง >>>

ถ้าไม่เห็นความติดข้องก็ละโลภะไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 1 ก.ค. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Jans
วันที่ 1 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
คุณ
วันที่ 2 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 2 ก.ค. 2553

เรือน คือ สังสารวัฏฏ์ สังสารวัฏฏ์ คือ ขณะนี้เอง

ถ้าไม่มีท่านอาจารย์ที่กรุณาให้ความหมายที่ถูกต้องแท้จริงในพระธรรม เราก็ไม่เคยรู้เลยว่า สังสารวัฏฏ์ คือ ขณะนี้เอง ขณะที่กำลังเห็น ได้ยิน...

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาคุณพุทธรักษาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผิน
วันที่ 2 ก.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
choonj
วันที่ 3 ก.ค. 2553

สิ่งที่ปรากฏ ก็คือเรือน เย็นร้อนอ่อนแข็งปรากฏก็คือเรือน สีปรากฏก็คือเรือน ฯลฯ ตรัสรู้คือไม่มีนายช่าง เมื่อไม่มีนายช่างก็ไม่มีเรือน แต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรปรากฏ ยังมีนายช่างอยู่ เรือนก็ถูกสร้างอยู่ ถูกต้องมั้ย ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Preawpraw
วันที่ 6 ก.ค. 2553

เพราะความอยากอย่างเดียว จึงทำให้มีนายช่าง มีนายช่างจึงทำให้มีเรือน ใช่มั้ยค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
choonj
วันที่ 6 ก.ค. 2553

ความเห็นผมตามกระทู้ ๐๑๖๖๓๐ ที่ ๙ สังสารวัฏฏ์และนายช่างผู้สร้างเรือน ดังนี้

เหตุทั้งหก ท่านเปรียบเหมือนรากแก้ว เมื่อยังมีอยู่ก็จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโต ก็คือเรือน นายช่างก็เป็นธรรม เรือนก็เป็นธรรม นายช่างคือเหตุและปัจจัย เรือนคือ ปัจจยุบันเป็นธรรมเกิดแล้วก็ดับ เพราะฉะนั้น การเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส สัมผัส คิดนึก คือนายช่างกำลังสร้างเรือน พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราได้พบนายช่าง ท่านไม่สามารถสร้างเรือนได้อีกแล้ว ก็คือกิริยาจิต

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
michii
วันที่ 8 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ajarnkruo
วันที่ 10 ก.ค. 2553

เรียน ความคิดเห็นที่ 9

ความอยาก (ตัณหา) นั้นแหละเป็นนายช่างผู้สร้างเรือนครับ

ขออนุญาตเรียนเสริมท่าน ความคิดเห็นที่ 10 ครับ

นายช่างผู้สร้างเรือน เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงค้นพ้บนายช่างคือตัณหาแล้ว ทรงตรัสรู้อริยสัจธรรม ๔ บรรลุถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประหารนายช่างเรือนคือ ดับตัณหา รื้อยอดเรือนคือ ดับโมหะ หักซี่โครงคือ ขจัดกิเลสทุกประการออกได้ทั้งหมด เมื่อทรงดับอกุศลทั้งหมดได้ ก็ย่อมจะไม่มีปัจจัยให้ทั้งอกุศล และ กุศลเกิดอีก จิตของพระพุทธองค์จึงมีเพียง ๒ ชาติ คือ กิริยา ๑ และวิบาก ๑ กิริยาจิตของพระองค์ไม่ก่อเรือนอีกต่อไป เพราะกิริยาจิตของพระองค์ปราศจากนายช่าง ไม่มีนายช่างอีก เพราะเหตุว่า พระองค์ทรงดับตัณหาจนหมดสิ้น ละขาดตัณหาแล้ว ทรงดับขันธปรินิพพาน มีภพอันสิ้นสุด ไม่มีการเกิดอีกต่อไปครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เรียบร้อย
วันที่ 10 ก.ค. 2553

อนุโมทนาบุญค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
พุทธรักษา
วันที่ 11 ก.ค. 2553

เสมือนกับจะเข้าใจแล้ว...แต่ ยังไม่แล้ว! จึงขออนุญาตเรียนถาม ajarnkruo ดังนี้

ถ้าเปรียบเทียบการเวียนว่ายตายเกิด หรือสังสารวัฏฏ์ เป็นน้ำที่ไหลเป็นวงกลม

กรุณาช่วยอธิบายได้ไหม ว่าน้ำที่ไหลเป็นวงกลมนี้...จะขาดสายได้อย่างไร และอะไรที่ต้องดับก่อน (ขอความกรุณา ช่วยอธิบายในลักษณะเดียวกับความเห็นที่ ๑๒)

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
ajarnkruo
วันที่ 11 ก.ค. 2553

เรียนคุณพุทธรักษา

ขอออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่ใช่ผู้ที่รู้ หรือมีปัญญามากอะไร อุปมาที่กล่าวไป ก็คิด พิจารณาตามกำลังของปัญญาเท่าที่จะมีมาจากการอ่านพระพุทธพจน์ ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงเปล่งออกมา และมีการจารึกไว้เป็นหลักฐานในพระไตรปิฎกเท่านั้น ผมคงไม่สามารถจะชี้แจงหรือเทียบเคียงอุปมาอื่นๆ ได้โดยชัดเจน เพราะเกรงว่าปัญญาของตนที่มีน้อย อาจจะทำให้มีโอกาสกล่าวผิดพลาดไปเองได้ จึงต้องขออภัยด้วยครับ คิดว่าสหายธรรมท่านอื่นๆ อาจะร่วมช่วยสนทนาได้

ส่วนตัวคิดว่าในเรื่องนี้ การศึกษาการหมุนวนไปของสังสารวัฏฏ์ ผ่านหมวดธรรมกิเลสวัฏฏ์ - กัมมวัฏฏ์ - วิปากวัฏฏ์ น่าจะให้คำตอบที่ชัดเจนที่สุดนะครับ

ปล. ได้ส่งไฟล์การสนทนาธรรมระหว่างคุณพุทธรักษากับท่านอาจารย์ที่คุณย่า

สงวนได้มีกุศลวิริยะถอดเทปไว้ ลงในข้อความส่วนตัวของคุณพุทธรักษาในอีกชื่อหนึ่่งนะครับ ถ้าว่างๆ ลองไปเปิดอ่านได้ครับ เป็นของเดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. ๒๕๕๒

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
พุทธรักษา
วันที่ 12 ก.ค. 2553

เรียน ajarnkruo

เจตนาที่ขอให้ช่วยอธิบายนั้น ก็เพราะว่าคุณอธิบายได้ดีถ้าจะลองอธิบายในมุมกลับกัน ก็เห็นว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจแต่ถ้าไม่สะดวก ก็ไม่เป็นไรค่ะ

สำหรับไฟล์การสนทนาที่ส่งนั้น ยังไม่ได้รับ...ก็ไม่เป็นไรเช่นกันเพราะทุกๆ คำบรรยายของท่านอาจารย์ ก็ล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้นเข้าใจว่า ทางบ้านธัมมะได้ยกเลิกการส่งข้อความส่วนตัวแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม...

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณที่กรุณาเกื้อกูลสหายธรรมเสมอมา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
ruttikarn
วันที่ 14 ก.ค. 2553

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์และคณะ และคุณ ajarnkruo (ความเห็นที่ ๒)

และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
Gorragrid
วันที่ 13 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ