คนที่เป็นมุนี [อรรถกถามุนิสูตร]
Khaeota
วันที่ 1 ก.ค. 2553
หมายเลข 16629
อ่าน 1,541
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 523
ว่าด้วยคนที่เป็นมุนี ข้อความตอนหนึ่งจาก... อรรถกถามุนิสูตร_1
ได้ยินว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เมืองอาฬวี ช่างหูกคนหนึ่งในนครอาฬวี สั่งธิดาผู้มีอายุ ๗ ปี ว่า ดูก่อนแม่ เมื่อวันวาน กระสวยยังเหลืออยู่ เจ้ากรอหลอดด้ายให้เพียงพอแล้ว พึงไปสู่โรงทอผ้าโดยเร็ว อย่าประพฤติชักช้านัก นางรับคำว่า ดีละ. ธิดาช่างหูกนั้นไปสู่โรงงานแล้ว ยืนเลือก เส้นด้ายอยู่.ในวันนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า ออกจากมหากรุณาสมาบัติแล้วตรวจดูโลก ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผล ของทาริกานั้น และธรรมาภิสมัย ของสัตว์ ๘๔,๐๐๐ ในเวลาจบเทศนา ทรงกระทำการปฏิบัติพระสรีระแต่เช้าเทียว ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จเข้าสู่พระนคร มนุษย์ทั้งหลายห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วคิดว่า ในวันนี้ จะพึงมีใครที่จะทรงอนุเคราะห์แน่แท้. พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเสด็จเข้าไปแต่เช้าตรู่ ธิดาช่างหูกจึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มี-พระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับยืนอยู่ที่ทาง ซึ่งนางทาริกากำลังไปสู่สำนักของบิดา. ชาวนครทั้งหลายปัดกวาดสถานที่แห่งนั้น ปราบพื้น โปรยดอกไม้ ผูกเพดาน ปูอาสนะ. พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูแล้ว หมู่มหาชนยืนแวดล้อม.ทาริกานั้น ไปถึงสถานที่แห่งนั้นแล้ว เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้อันมหาชนแวดล้อมแล้วไหว้ด้วยเบญจางคประดิษฐ์. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกทาริกานั้นมาแล้ว จึงตรัสถามว่า "แน่ะทาริกา เจ้ามาจากไหน?"
ทาริกา กราบทูลว่า “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า “เจ้าจักไปไหน?”
ทาริกา กราบทูลว่า “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า “ไม่ทราบหรือ?” ทาริกา กราบทูลวา “ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาค ตรัสถามว่า “ทราบหรือ? ”
ทาริกา กราบทูลว่า “ไม่ทราบ พระพุทธเจ้าข้า”
ความคิดเห็นที่ 1
Khaeota
วันที่ 1 ก.ค. 2553
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 524 ว่าด้วยคนที่เป็นมุนี ข้อความตอนหนึ่งจาก... อรรถกถามุนิสูตร_2
มนุษย์ทั้งหลาย ฟังดังนั้นแล้ว ก็โพนทะนาว่า ดูเถิด ท่านผู้เจริญทาริกานี้ แม้มาจากเรือนของตน ถูกพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถาม ก็ทูลว่าไม่ทราบ และแม้กำลังไปสู่โรงงานทอผ้าก็ทูลว่า ไม่ทราบ ถูกตรัสถามว่า ไม่ทราบหรือ ก็ทูลว่าทราบ ถูกตรัสถามว่า ทราบหรือ ก็ทูลว่า ไม่ทราบนางย่อมทำคำพูดทั้งปวงขัดแย้งกันทีเดียว
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์จะทำเนื้อความนั้นให้ปรากฏแก่มนุษย์ทั้งหลาย จึงตรัสถามว่า เราถามอย่างไร? เจ้าตอบอย่างไร? นางกราบทูลพระผู้มีพระภาค-เจ้าพระองค์นั้นว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ใครๆ ย่อมไม่รู้หม่อมฉันว่า หม่อมฉันมาจากเรือนไปสู่โรงงานทอผ้า ก็หามิได้ โดยที่แท้พระองค์ตรัสถามหม่อมฉัน ด้วยอำนาจแห่งปฏิสนธิว่า มาจากไหน, ตรัสถามด้วยอำนาจแห่งจุติว่า จักไปไหน และหม่อมฉันไม่ทราบว่า มาจากไหน มาจากนรก หรือมาจากเทวโลก เพราะหม่อมฉันไม่ทราบ ว่า จักไปแม้ที่ไหน นรก หรือ เทวโลก เพราะฉะนั้นจึงทูลว่า ไม่ทราบ, แต่นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายถึงมรณะ จึงตรัสถามหม่อมฉัน ว่า ไม่ทราบหรือ และหม่อมฉันทราบว่า สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงต้องตายแน่นอน ด้วยเหตุนั้นจึงทูลว่าทราบ ต่อจากนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงหมายถึงกาลมรณะ (เวลาเป็นที่จะตาย) จึงตรัสถามหม่อมฉันว่า ทราบหรือ? และหม่อมฉันไม่ทราบว่า จักตายเมื่อไร ในวันนี้ หรือ พรุ่งนี้ ด้วยเหตุนั้น จึงทูลว่า ไม่ทราบ ดังนี้.
ความคิดเห็นที่ 2
Khaeota
วันที่ 1 ก.ค. 2553
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 525
ว่าด้วยคนที่เป็นมุนี ข้อความตอนหนึ่งจาก... อรรถกถามุนิสูตร_3 พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงอนุโมทนาปัญหา ที่ทาริกานั้นวิสัชนาแล้วๆ ว่าดีละ ดีแล้ว. ฝ่ายหมู่มหาชน ได้ให้สาธุการถึงพันครั้งว่า ทาริกานี้เป็นบัณฑิต ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทราบว่า ทาริกามีความสบาย เมื่อจะทรงแสดงพระธรรม จึงตรัสคาถานี้ว่า โลกนี้ มืด ในโลกนี้ น้อยคนนัก ย่อมเห็นแจ้ง น้อยคนไปสู่สวรรค์ ดุจนกติดข่าย มีน้อยตัวที่จะหลุดจากข่าย ฉะนั้น ดังนี้.
ในเวลาจบคาถา ทาริกานั้น ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล สัตว์ ๘๔,๐๐๐ได้ธรรมาภิสมัย (ตรัสรู้ธรรม ,รู้แจ้งแทงตลอดเฉพาะซึ่งธรรม)